คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยเปิดทางภารจำยอมให้มีความกว้าง 3 เมตร ตลอดแนวทาง และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอมดังกล่าว และปรับที่ดินให้มีสภาพเป็นทางสัญจรไปมาตามปกติ จำเลยรื้อถอนตึกแถวที่ปลูกติดกับทางภารจำยอมโดยรื้อถอนส่วนล่างทั้งหมด แต่มีกัดสาด คานรับกันสาด กับส่วนบนของอาคารชั้นสองยังรุกล้ำเข้าไปเหนือพื้นดินทางภารจำยอม โดยส่วนของกันสาดรุกล้ำเข้าไป 1.38 เมตร สูงจากพื้นดิน 3.30 เมตร และคานรับกันสาดซึ่งอยู่ติดกับกันสาดรุกล้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งของกันสาด ส่วนที่ต่ำที่สุดของคานรับกันสาดอยู่ติดกับตัวอาคารสูง 2.67 เมตร ดังนี้ เมื่อทางภารจำยอมที่พิพาทได้ใช้เป็นทางคนเดินและเป็นทางที่รถยนต์บรรทุกใช้ผ่านเข้าออกได้ สำหรับรถยนต์บรรทุกไม่ได้ความว่าใช้บรรทุกของมีความสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมเพียงใด จึงต้องอยู่ในบังคับของกฎหมายโดยบรรทุกของได้ส่วนสูงวัดจากพื้นดินไม่เกิน 3 เมตร ฉะนั้น จำเลยจึงยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลให้ครบถ้วน และจำเลยต้องรื้อถอนตึกแถวส่วนบนที่ยังกีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอมเฉพาะที่มีส่วนสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมไม่เกิน 3 เมตรออกไปให้หมด

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกายื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาล เพราะจำเลยรื้อตัดอาคารออกไปเพียงส่วนชั้นล่างของอาคารริมทางคนเดินเท่านั้น ส่วนด้านบนของอาคารหาได้รื้อตัดออกไปให้พ้นแนวเขตทางเดินไม่ โจทก์มีสิทธิเหนือพื้นดินหรือแดนกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ขอให้จำเลยรื้อตัดอาคารส่วนบนออกไปให้พ้นแนวเขตทางภารจำยอม และชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๕๐๐ บาท จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา
จำเลยแถลงคัดค้านว่า จำเลยรื้อถอนตัวตึกชั้นล่างและกำแพงออก จนทางภารจำยอมนั้นปราศจากสิ่งกีดขวาง ผู้คนใช้สัญจรเข้าออกตลอดจนรถยนต์บรรทุกเข้าออกได้ อันเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว การที่จำเลยมิได้รื้อตัวตึกชั้นบนออกเพราะถือว่าตัวตึกที่ยื่นออกมาทางอากาศ สูงกว่าผิดทางภายจำยอมมาก ไม่กีดขวางการใช้ทางภารจำยอม โจทก์จะอ้างเรื่องแดนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ศาลชั้นต้นไปเดินเผชิญสืบที่พิพาท และโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลแล้ว ให้ยกฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตึกแถวของจำเลยที่ปลูกติดกับทางภารจำยอม จำเลยรื้อถอนส่วนล่างทั้งหมดแล้ว แต่มีกันสาด คานรับกันสาดกับส่วนบนของอาคารชั้นสองยังรุกล้ำเข้าไปเหนือพื้นดินทางภารจำยอม โดยส่วนของกันสาดรุกล้ำเข้าไป ๑.๓๘ เมตร สูงจากพื้นดิน ๓.๓๐ เมตร และคานรับกันสาดซึ่งอยู่ติดกับกันสาดรุกล้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งของกันสาด ส่วนที่ต่ำสุดของคานรับกันสาดอยู่ติดกับตัวอาคารสูงประมาณ ๒.๖๗ เมตร คดีนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยเปิดทางภารจำยอมให้มีความกว้าง ๓ เมตร ตลอดแนวทางและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอมดังกล่าว และปรับที่ดินให้มีสภาพเป็นทางสัญจรไปมาได้ตามปกติ ข้อเท็จจริงได้ความว่าการใช้ทางภารจำยอมที่พิพาทได้ใช้เป็นทางคนเดินและเป็นทางรถจักรยานสามล้อ รถเข็นของ รถยนต์บรรทุกใช้ผ่านเข้าออกได้ สำหรับรถยนต์บรรทุกไม่ได้ความว่าใช้บรรทุกของมีความสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมเพียงใด จึงต้องอยู่ในบังคับของกฎหมาย โดยบรรทุกได้ส่วนสูงวัดจากพื้นดินไม่เกิน ๓ เมตร จำเลยจึงยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลให้ครบถ้วน และจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาแก่โจทก์ตามที่โจทก์ขอ
พิพากษาแก้ ให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวของจำเลยส่วนที่ยังกีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอม เฉพาะที่มีส่วนสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมไม่เกิน ๓ เมตร ออกไปให้หมด และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาแก่โจทก์เดือนละ ๕๐๐ บาทติดต่อกันไป จนกว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลโดยครบถ้วน

Share