แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์จำเลยโต้แย้งว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยทางครอบครอง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24ว่าคำให้การจำเลย จำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยไม่มีทางชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของส่วนหน้าที่นำสืบนั้นศาลสั่งชอบแล้ว
คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งตาม มาตรา 24 ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 429 จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์
จำเลยให้การมีข้อความหลายประการเฉพาะประเด็นที่มีปัญหาโต้เถียงกันมาถึงชั้นฎีกานั้นมีว่าที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของนางแล่มารดาจำเลยและเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยทางครอบครองอันชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24ความว่าตามคำให้การของจำเลย ๆ ไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ ฉะนั้นประเด็นจึงไม่มีในการที่จำเลยจะนำสืบว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยไม่มีทางจะชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านไว้กล่าวว่าตามคำให้การของจำเลย ๆ รับว่ารายนี้อยู่ในโฉนดของโจทก์จำเลยเถียงเพียงว่าจำเลยครอบครองโดยสงบและเปิดเผย ขาดข้อความที่ว่าจำเลยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์จึงว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งให้คู่ความนำสืบพยานโดยไม่พิพากษาคดีเลยไปทีเดียวและที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนทั้งสองประการนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของโจทก์ ๆ จึงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ ส่วนหน้าที่นำสืบศาลสั่งชอบแล้วคำคัดค้านโจทก์ไม่มีเหตุผล ศาลชั้นต้นจึงนัดสืบพยานจำเลย แต่ยังไม่ทันสืบ
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะว่าจำเลยครอบครองโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของขอให้ชี้ขาดให้จำเลยแพ้คดีโดยไม่มีการสืบพยาน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีประเด็นข้อครอบครองโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของแล้วก็ให้โจทก์สืบก่อน มิได้สั่งงดสืบพยานเช่นนี้แสดงว่าศาลชั้นต้นต้องการฟังพยานหลักฐานตามข้อต่อสู้ของจำเลยเสียก่อน จึงยังถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม มาตรา 24คำสั่งนั้นเป็นเพียงคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อวินิจฉัยชั้นนี้มีว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตาม มาตรา 24 หรือยังเห็นว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งตาม มาตรา 24 เสร็จแล้ว แต่มิได้สั่งให้เป็นไปตามที่โจทก์ร้องขอ จึงไม่มีการพิพากษาคดีให้เสร็จเด็ดขาดดังความประสงค์ของโจทก์ คำร้องโจทก์ถูกยกไปและมีการนัดสืบพยาน พฤติการณ์เช่นนี้มิได้แสดงเลยว่าศาลชั้นต้นไม่ได้ชี้ขาดตาม มาตรา 24 เห็นว่าศาลชั้นต้นชี้ขาดแล้ว แต่ขัดต่อความมุ่งหมายของโจทก์ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ รวมความว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้เป็นคำสั่งตาม มาตรา 24 ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา
พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์