แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแก้ไขคำฟ้อง ถ้าไม่ไช่คดีที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องขอก่อนวันนัดชี้สองสถาน. ได้เคยมีการแบ่งทรัพย์กันมาแล้ว แต่โจทมิได้นำทรัพย์รายพิพาทมาแบ่งด้วย แม้โจทจะรับว่าไม่มีฝ่ายไดมาเรียกร้อง และโจทปกครองเพื่อทายาทก็ตาม กรณีเช่นนี้ต้องถือว่า โจทแกล้งปิดบังมรดกไว้เพื่อตน. เมื่อโจทถูกกำจัดมิไห้รับมรดกจำเลยก็ยกขึ้นต่อสู้ไนคำไห้การได้ไม่ต้องฟ้องแย้ง.
ย่อยาว
ข้อเท็ดจิงที่คู่ความรับกันฟังได้ว่าโจทจำเลยและทายาทได้แบ่งทรัพย์มรดกนางหยู่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่มิได้นำทรัพย์รายพิพาทมาแบ่งด้วย จำเลยว่าโจทปิดบังไว้โจทว่าไม่ได้ปิดบัง เปนหน้าที่ของจำเลยเองที่จะค้นคว้าว่าทรัพย์มรดกมีอะไรบ้าง ส่วนข้อตัดฟ้องว่าโจทปิดบังมรดกนั้น ควนจำเลยจะฟ้องแย้งขึ้นมา ไม่ไช่อำนาจไนการต่อสู้คดี จำเลยแถลงว่า โจทฟ้องเรียกมรดกจากจำเลยทั้งหมด จำเลยมีข้อต่อสู้อย่างไดที่จะยึดมรดกไว้ได้ ก็ย่อมยกขึ้นต่อสู้ได้.
ไนวันนัดสืบพยานครั้งแรกซึ่งเปนเวลาพายหลังวันชี้สองสถานเดือนเสส โจทขอแก้ฟ้องไห้ชัดว่าที่ดินที่นางหยู่รับจำนองไว้นั้น เจ้าของได้มอบไห้นางหยู่ทำต่างดอกเบี้ย กิริยาเปนขายฝาก เมื่อนางหยู่ตายแล้ว โจทปกครองมาฝ่ายเดียวเกิน ๑ ปี สาลชั้นต้นเห็นว่า โจทไม่ได้ร้องขอแก้ฟ้องก่อนวันชี้สองสถานตาม ป.ว.พ.มาตรา ๑๘๐ จึงไห้ยกคำร้องแล้ววินิฉัยว่าคดีนี้จำเลยไม่จำเป็นต้องฟ้องแย้งเพราะจำเลยย่อมมีสิทธิยกขึ้นต่อสู้ได้ เพื่อแสดงเหตุว่า เพราะเหตุไดจำเลยจึงไม่ยอมแบ่งให้โจท ไนส่วนประเด็นเรื่องปิดบังมรดกคดีฟังได้ว่าโจทแกล้งปิดบังมรดกไว้เพื่อประโยชน์ตน จึงถูกกำจัดมิไห้ได้รับมรดกตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๖๐๕ พิพากสายกฟ้อง.
โจทอุธรณ์ สาลอุธรณ์พิพากสายืน
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่า ไนข้อปิดบังมรดกนั้น ได้ความชัดว่า โจทปิดบังมรดกไว้จิง
ข้อที่โจทดีกาว่า โจทมีอำนาจแก้ฟ้องได้ เพราะเปนเรื่องไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่มีฝ่ายไดเสียเปรียบนั้น สาลดีกาเห็นว่า โจทควรแก้ฟ้องก่อนวันชี้สองสถาน เมื่อโจทไม่ได้ทำดังนั้น และคดีไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชนโจทแก้ฟ้องไม่ได้ตาม ป.ว.พ.มาตรา ๑๘๐ (๒).
ที่โจทเถียงว่าศาลไม่ควรงดพยานโจทและไม่ยอมไห้สืบไนข้อปกครอง สาลดีกาเห็นว่าเมื่อไนคดีเดียวกันนี้ โจทไห้การว่าได้ปกครองมรดกไว้แทนทายาท โจทจะกลับสืบอีกอย่างไดได้ว่า คำไห้การของโจทไม่จิง.
ฎีกาโจทก์ที่ว่า ในข้อปิดบังมรดก จำเลยควรทำเปนฟ้องแย้งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทย์ฟ้องเรื่องมรดก เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะได้โดยประการใด จำเลยก็ยกเป็นข้อต่อสู้ได้ ไม่จำเปนต้องฟ้องแย้ง จึงพิพากษายืนตามศาลอุธรณ์