คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7151/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การบอกกล่าวบังคับจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 728 กฎหมายมิได้บัญญัติบังคับว่าหนังสือบอกกล่าวจะต้องมีรายการอะไรบ้าง เพียงแต่บัญญัติไว้กว้าง ๆ ว่า เมื่อจะบังคับจำนองผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าว หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนอง เพียงมีข้อความให้ผู้จำนองเข้าใจได้ว่าถูกบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว ย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยจำนองที่ดินโฉนดรวม 8 โฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้เงินกู้ และโจทก์ฟ้องหนี้เงินกู้รายนี้กับขอให้บังคับจำนองที่ดินรวม 8 โฉนด พร้อมแนบสำเนาหนังสือจำนอง และสำเนาหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองท้ายฟ้องด้วย สำเนาหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองท้ายฟ้องนั้นตรงกับสำเนาหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองเอกสารหมาย จ.11 ระบุเลขโฉนดที่ดินจำนองผิดไป คงบอกถูกเพียงฉบับเดียวคือ โฉนดเลขที่ 27641 เท่านั้น แต่อ้างถึงสัญญากู้ที่จำเลยกู้ไปถูกต้อง ชั้นให้การต่อสู้คดีจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การให้เป็นประเด็นแต่ประการใดเลยว่า โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบเพราะเหตุที่ว่ามิได้บอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินที่จำนองไว้อีก 7 แปลง คงสู้แต่เหตุอื่นคือ ผู้ลงนามในหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนอง ไม่มีอำนาจลงนามแทนโจทก์ เพราะไม่ได้รับมอบอำนาจเป็นหนังสือจากโจทก์ให้มีอำนาจทำหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองตามกฎหมายแทนโจทก์ ถือว่าโจทก์ยังมิได้มีการบังคับจำนอง แสดงว่าจำเลยเข้าใจได้ดีว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินโฉนดที่จำนองไว้ หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองจึงมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ถือว่าโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินแปลงอื่นอีก 7 แปลง ที่จำนองไว้ รวมทั้งที่ดินโฉนดเลขที่ 27641 โจทก์ย่อมบังคับจำนองเอากับที่ดินที่จำนองไว้อีก 7 แปลงได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 6,022,176.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ในต้นเงิน 5,011,726.19 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยให้แก่โจทก์เป็นเงินครั้งละ 15,401 บาท นับแต่วันที่ 31 มีนาคม 2542 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 27641, 27642, 41972, 41973, 41974, 41976, 41977, 41978 ตำบลวิชิต (อ่าวมะขาม) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 6,022,176.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 5,011,726.19 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 กันยายน 2541) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดที่ 27641 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 15,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินแปลงอื่นอีก 7 แปลง ที่จำนองไว้นอกเหนือจากที่ดินโฉนดเลขที่ 27641 หรือไม่ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองของโจทก์เอกสารหมาย จ.11 เป็นการบอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินที่จำนองไว้ตามฟ้องเฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่ 27641 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เท่านั้น เห็นว่า การบอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 นั้น กฎหมายมิได้บัญญัติบังคับว่า หนังสือบอกกล่าวจะต้องมีรายการอะไรบ้าง เพียงแต่บัญญัติไว้กว้างๆ ว่า เมื่อจะบังคับจำนองนั้น ผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้น เพราะฉะนั้น หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนอง เพียงมีข้อความให้ผู้จำนองเข้าใจได้ว่าถูกบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว ก็ย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า จำเลยจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27641, 27642, 41972, 41973, 41974, 41976, 41977, 41978 ตำบลวิชิต (อ่าวมะขาม) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต รวม 8 โฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้เงินกู้ที่โจทก์ฟ้อง และโจทก์ได้ฟ้องหนี้เงินกู้รายนี้กับทั้งขอให้บังคับจำนองที่ดินรวม 8 โฉนด ที่จำเลยจำนองไว้พร้อมทั้งแนบสำเนาหนังสือสัญญาจำนองและสำเนาหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองมาท้ายฟ้องด้วย สำเนาหนังสือบอกกล่าวบังคับจำเลยท้ายฟ้องนั้น ตรงกับสำเนาหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองเอกสารหมาย จ.11 ซึ่งระบุเลขโฉนดที่ดินที่จำนองผิดไป คงบอกถูกเพียงฉบับเดียวคือโฉนดเลขที่ 27641 เท่านั้น แต่ก็อ้างถึงสัญญากู้ที่จำเลยกู้ไปถูกต้อง ในชั้นให้การต่อสู้คดี จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การ ให้เป็นประเด็นแต่ประการใดเลยว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบ เพราะเหตุที่ว่ามิได้บอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินที่จำนองไว้อีก 7 แปลง คงต่อสู้แต่เหตุอื่นกล่าวคือ ต่อสู้ว่าผู้ลงนามในหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 9 ไม่มีอำนาจลงนามแทนโจทก์เพราะไม่ได้รับมอบอำนาจเป็นหนังสือจากโจทก์ให้มีอำนาจทำหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองตามกฎหมายแทนโจทก์ ถือว่าโจทก์ยังมิได้มีการบังคับจำนอง แสดงว่าจำเลยเข้าใจได้ดีว่าโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินทุกโฉนดที่จำนองไว้ เพราะฉะนั้นหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองเอกสารหมาย จ.11 จึงมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ถือได้ว่าโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองที่ดินแปลงอื่นอีก 7 แปลง ที่จำนองไว้ รวมทั้งที่ดินโฉนดเลขที่ 27641 โจทก์ย่อมบังคับจำนองเอากับที่ดินที่จำนองไว้อีก 7 แปลง ได้ คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 27642, 41972, 41973, 41974, 41976, 41977, 41978 ตำบลวิชิต (อ่าวมะขาม) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยออกขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ

Share