แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ผู้กระทำความผิดจะได้รับประโยชน์จากบทบัญญัติดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยเหตุสองประการ กล่าวคือ ผู้กระทำความผิดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญ และข้อมูลนั้นจะต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ลำพังเพียงการให้ข้อมูลแต่ไม่เป็นประโยชน์ หรือเป็นประโยชน์ธรรมดาที่มิได้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หรือเป็นประโยชน์แต่มิใช่ข้อมูลที่สำคัญ ผู้ให้ข้อมูลหาได้รับประโยชน์จากบทบัญญัติดังกล่าวไม่ การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ติดต่อผู้ที่จำหน่ายยาเสพติดให้แก่จำเลยที่ 1 แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าขายยาเสพติดให้ตนได้ คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยที่ 1 ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานสอบสวน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 26, 66, 76, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลางที่เหลือทั้งหมด
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 26 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสาม, 76 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคสาม การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,000,000 บาท และฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,000,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 1 ปี และฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต 1 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 จำคุกจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 25 ปี และปรับ 500,000 บาท ฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีกำหนด 25 ปี และปรับ 500,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 6 เดือน และฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 50 ปี 12 เดือน และปรับ 1,000,000 บาท แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 50 ปี และปรับ 1,000,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สำหรับจำเลยที่ 2 เมื่อกระทงแรกศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จึงไม่อาจรวมโทษจำคุกกระทงที่สองได้ คงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต และปรับ 2,000,000 บาท จำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับ 1 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนและกัญชาที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ อาวุธปืน สมุดบัญชีและกระดาษจดบันทึกรายการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ กระเป๋าหนังสีดำ โทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ 1 ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ 2 และเงินสด 34,500 บาท มิใช่เครื่องมือ เครื่องใช้หรือวัตถุอื่นใดซึ่งจำเลยทั้งสองใช้กระทำความผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องโดยตรง และไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยทั้งสองใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด ซึ่งหมายถึงความผิดตามที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้เท่านั้น จึงไม่อาจริบได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยศาลฎีกาอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 เห็นว่า ผู้กระทำความผิดจะได้รับประโยชน์จากบทบัญญัติดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยเหตุสองประการ กล่าวคือ ผู้กระทำความผิดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญ และข้อมูลนั้นจะต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ลำพังเพียงการให้ข้อมูลแต่ไม่เป็นประโยชน์ หรือเป็นประโยชน์ธรรมดาที่มิได้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หรือเป็นประโยชน์แต่มิใช่ข้อมูลที่สำคัญ ผู้ให้ข้อมูลหาได้รับประโยชน์จากบทบัญญัติดังกล่าวไม่ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ติดต่อผู้ที่จำหน่ายยาเสพติดให้แก่จำเลยที่ 1 แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าขายยาเสพติดให้ตนได้ คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยที่ 1 ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานสอบสวน ทั้งศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลฎีกาจะกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน