คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7143/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกำหนดค่าทดแทนสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นต้องปฏิบัติตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ซึ่งกำหนดเงินค่าทดแทนให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ดินที่ต้องเวนคืนไว้ในมาตรา 18 (1) และกำหนดเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่รื้อถอนไม่ได้ ซึ่งมีอยู่ในที่ดินที่ต้องเวนคืนไว้ในมาตรา 18 (2) แยกประเภทกัน ดังนั้น การคิดค่าทดแทนสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ถูกเวนคืนแยกจากกันจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นตึกแถว ๔ ชั้น ซึ่งถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษสายรามอินทรา – อาจณรงค์ คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นกำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์ตารางวาละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท และกำหนดเงินค่าทดแทนโครงสร้างตึกแถว ๔ ชั้น ๑๑ คูหา เป็นเงิน ๖,๙๐๕,๓๑๓.๒๗ บาท ประตูเหล็กม้วนเป็นเงิน ๒๘,๓๘๘.๔๗ บาท และส่วนตกแต่งต่อเติมปรับปรุงภายในตึกแถวเป็นเงิน ๔,๑๑๕,๒๗๗.๒๓ บาท รวมเป็นเงินค่าทดแทนทั้งสิ้น ๑๙,๗๔๘,๙๑๘.๙๑ บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาซื้อขายกันตามท้องตลาดมาก นอกจากนี้ โจทก์ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนให้ผู้เช่าตึกแถว เนื่องจากถูกเวนคืนในขณะยังไม่ครบสัญญาเช่า โจทก์อุทธรณ์ขอเงินค่าทดแทนเพิ่มต่อจำเลยที่ ๒ แต่ยังไม่ได้รับผลการวินิจฉัย ที่ดินพร้อมตึกแถวดังกล่าวมีราคาซื้อขายตามปกติในท้องตลาดไม่ต่ำกว่าคูหาละ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวม ๑๑ คูหา เป็นเงิน ๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองต้องเพิ่มเงินค่าทดแทนให้โจทก์อีก ๓๙,๔๑๘,๔๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มจำนวน ๓๙,๔๑๘,๔๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินนับตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๓๓ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การกำหนดเงินค่าทดแทนแก่โจทก์จึงถูกต้องเหมาะสมและเป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสิน นับแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๓๓ เพราะมิใช่วันที่ต้องมีการจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทน หากมีสิทธิได้รับก็ไม่เกินอัตราร้อยละ ๖.๕ ต่อปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑,๗๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสิน นับแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๗ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า การคิดค่าทดแทนสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินต้องคิดรวมกันจึงจะเป็นธรรมหากคิดแยกกันโจทก์ขอค่าทดแทนเพิ่มสำหรับที่ดินเป็นตารางวาละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท และสำหรับตึกแถวขอค่าทดแทนคูหาละ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท กับขอให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงิน ๔,๑๖๕,๓๑๘.๓๕ บาท ซึ่งโจทก์จ่ายให้ผู้เช่าตึกแถวไปคืนให้โจทก์ด้วย ส่วนจำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ได้รับประโยชน์จากที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาสูงขึ้น และโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างแต่ไม่สามารถนำสืบได้ว่าที่ดินของโจทก์มีราคาสูงตามฟ้อง ค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดให้ตารางวาละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท จึงเหมาะสมแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสอง ทั้งการคิดดอกเบี้ยต้องคิดนับแต่วันที่ต้องมีการจ่ายเงินหรือวางเงินค่าทดแทน เห็นว่า การกำหนดค่าทดแทนสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นต้องปฏิบัติตามมาตรา ๑๘ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งกำหนดเงินค่าทดแทนให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ดินที่ต้องเวนคืนไว้ในมาตรา ๑๘ (๑) และกำหนดเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่รื้อถอนไม่ได้ ซึ่งมีอยู่ในที่ดินที่ต้องเวนคืนไว้ในมาตรา ๑๘ (๒) แยกประเภทกัน ดังนั้น การคิดค่าทดแทนสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ถูกเวนคืนแยกจากกันจึงชอบแล้ว…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มแก่โจทก์ ๕๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินนับแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๗ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์.

Share