คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของสถานีบริการขายน้ำมันเชื้อเพลิง ให้บริษัทไทยมอเตอร์รีส จำกัด เช่าดำเนินกิจการ จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องบริษัทไทยมอเตอร์รีส จำกัด กับพวกเป็นจำเลย เรียกเงินตามเช็ค ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของบริษัทไทยมอเตอร์รีส จำกัด ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา จำเลยนำยึดทรัพย์ของบริษัทไทยมอเตอร์รีส จำกัด ที่สถานีบริการดังกล่าว รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงบรรจุอยู่ในถังใต้ดิน 6 ถัง เจ้าพนักงานบังคับคดียึดแล้วมอบให้จำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา การยึดทรัพย์จะต้องมีการผูกเชือกตีตราครั่งไว้ที่ทรัพย์เพื่อกันการสูญหาย แต่สำหรับทรัพย์รายนี้ไม่อาจใช้ครั่งได้ เพราะต้องใช้ไฟซึ่งอาจเกิดอันตรายได้เนื่องจากทรัพย์เป็น้ำมันเชื้อเพลิง การเอาน้ำมันออกจากถังจะต้องสูบออกทางปั๊ม เมื่อผูกเชือกตีตราครั่งไว้ที่ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้ การที่จำเลยใส่กุญแจปั๊มน้ำมัน จึงเป็นการป้องกันน้ำมันเชื้อเพลิงในถังใต้ดินมิให้สูญหาย เป็นการใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่สมควรแก่กรณีโดยสุจริต หาได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ เมื่อศาลสั่งให้จำเลยขนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยึดไว้ไปจากถังเก็บน้ำมัน จำเลยก็ขนย้ายไปตามคำสั่งศาล การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมายให้โจทก์เสียหาย จำเลยไม่ต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า โจทก์เปิดสถานีบริการขายน้ำมันเชื้อเพลิงแก่ประชาชน จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องบริษัทไทยมอเตอร์รีส จำกัด กับพวก เรียกเงินตามเช็ค โจทก์ขอและศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินสถานีบริการขายน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวของโจทก์โดยเฉพาะยึดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บไว้ในถังใต้ดิน ๖ ปั๊ม จำเลยผู้ดูแลรักษาทรัพย์ที่ถูกยึกใส่กุญแจปั๊มน้ำมันไว้ทุกปั๊ม และขนทรัพย์สินอื่นของโจทก์ไปอีกด้วย เจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำเลยขนน้ำมันในถังไปเก็บรักษาไว้ที่อื่น จำเลยก็ไม่ปฏิบัติตาม การที่จำเลยจงใจใส่กุญแจปั๊มน้ำมันของโจทก์เป็นเหตุให้สถานีบริการขายน้ำมันต้องหยุดกิจการทั้งหมด โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยไขกุญแจปั๊มน้ำมันและชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การว่า จำเลยนำยึดทรัพย์เพราะบริษัทไทยมอเตอร์รีส จำกัด เป็นผู้ครอบครองสถานีบริการขายน้ำมันและขายน้ำมันอยู่โดยเช่าจากโจทก์ จำเลยเอากุญแจใส่ปั๊มน้ำมันเพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจเอาเชือกมาผูกและประทับตราครั่งที่ปั๊มได้ น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นของไวไฟการนำไปเก็บรักษาในที่ไม่เหมาะสมย่อมไม่ปลอดภัย ต่อมาจำเลยได้ขนย้ายน้ำมันออกไปหมดแล้ว จำเลยกระทำไปโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย มิได้ประมาทหรือจงใจให้โจทก์เสียหาย โจทก์ไม่เสียหายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำไปโดยสุจริต มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำเบิกความของนายบัว คงสมบูรณ์ พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ทำการยึดว่า การยึดทรัพย์จะต้องมีการผูกเชือกตีตราครั่งไว้ที่ทรัพย์เพื่อกันการสูญหาย สำหรับทรัพย์ที่ยึดรายนี้ไม่อาจใช้ครั้งได้ เพราะต้องใช้ไฟซึ่งจะเกิดอันตรายเนื่องจากทรัพย์ที่ยึดเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าเมื่อพนักงานบังคับคดียึดน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในถังใต้ดินทั้ง ๖ ถัง แล้วมอบไว้ในความดูแลรักษาของจำเลย จำเลยย่อมมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องใช้ความระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายแก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่ยึดไว้ ข้อเท็จจริงได้ความว่า การเอาน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากถังใต้ดิน จะต้องสูบออกทางปั๊มน้ำมัน เมื่อผูกเชือกตีตราครั่งไว้ที่ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้ การที่จำเลยใส่กุญแจปั๊มน้ำมัน จึงเป็นการป้องกันน้ำมันเชื้อเพลิงในถังมิให้สูญหายไป จึงเป็นการใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่สมควรแก่กรณี หาได้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหายไม่ ข้อเท็จจริงได้ความอีกว่า เมื่อศาลสั่งให้จำเลยขนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยึดไว้ไปจากถังเก็บน้ำมัน จำเลยก็ได้ขนย้ายไปตามคำสั่งศาล เช่นนี้การกระทำของจำเลยยังไม่ชอบที่จะถือได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมายให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share