แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ฐานลักทรัพย์พ้นโทษเมื่อ 5 มิ.ย.94 และ 7 มิ.ย.95 ตามลำดับแล้วมาต้องโทษครั้งหลังฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้าย ในคดีนี้อีกย่อมถือได้ว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ ของ พ.ร.บ. กักกันฯ
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.๒๔๓ ๑ ปี เพิ่มโทษตาม ม.๗๒ ๑ ใน ๓ เป็น ๑ ปี ๔ เดือน ลดโทษตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๘ เดือน และให้ส่งจำเลยไปกักกันตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ ม. ๔,๘,๙ มีกำหนด ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกโทษกักกัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยควรยกเว้นการส่งตัวไปกักกัน กรณีไม่เข้า ม. ๘ แห่ง พ.ร.บ.กักกัน ฯ
ศาลฎีกาเห็นว่าใจความ (ตาม ม.๘)ที่บัญญัติว่าถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ครั้งขึ้นไป ก็เรียกได้ว่าไม่น้อยกว่า ๒ ครั้ง จำเลยเคยไปรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกฐานลักทรัพย์มาแล้ว ๒ ครั้ง แล้วมาต้องคำพิพากษาให้จำคุกเพราะได้กระทำความผิดอาญาฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้ายในคดีนี้อีก กรณีจึงตกอยู่ในบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ ม.๘
จึงพิพากษายืน