คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเงินทุนและธุรกิจหลักทรัพย์ถูกทางราชการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนและธุรกิจหลักทรัพย์และแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีไว้แล้ว ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1250 และมาตรา 1259 ถือว่าเป็นผู้กระทำแทนบริษัทดังกล่าวอยู่แล้ว เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ บริษัทดังกล่าวเด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 แต่สภาพการเป็นผู้แทนของบริษัทอย่างเช่นแสดงความประสงค์ขอประนอมหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 45 ยังมีอยู่ หาได้ขาดผู้เแทนแสดงความประสงค์ขอประนอมหนี้แต่อย่างใดไม่กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติ มาตรา 79,80แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งคำขอของผู้ร้องเป็นการขอเป็นผู้แทนเฉพาะการของบริษัทโดยห้ามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กระทำการขัดขวางอำนาจจัดการบริษัทดังกล่าวซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ไม่มีกฎหมายสนับสนุน

ย่อยาว

ผู้ร้องร้องว่า บริษัทราชาเงินทุน จำกัด เป็นนิติบุคคลมีผู้ร้องทั้งสองเป็นกรรมการตั้งแต่ พ.ศ. 2509 ถึง วันที่ 11 สิงหาคม 2522 ทางราชการได้ออกคำสั่งควบคุมบริษัทราชาเงินทุนจำกัดต่อมาวันที่ 7 สิงหาคม 2522 ทางราชการได้ออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินทุนและธุรกิจหลักทรัพย์ และแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี ครั้นวันที่ 27 สิงหาคม 2523ศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของบริษัทราชาเงินทุน จำกัดผู้ร้องทั้งสองในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้แล้ว แต่เนื่องจากผู้ชำระบัญชีของบริษัทราชาเงินทุนจำกัด ปราศจากอำนาจหน้าที่ในการขอประนอมหนี้ และมีอำนาจหน้าที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการขอประนอมหนี้ทั้งมีพฤติการณ์ลักษณะการกระทำตลอดจนการแสดงเจตนาเป็นปฏิปักษ์ต่อประโยชน์ของบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ในการขอประนอมหนี้ ส่วนผู้แทนคนอื่น ๆของบริษัทราชาเงินทุน จำกัด สิ้นอำนาจไปแล้ว เป็นเหตุให้ผู้มีอำนาจจัดการว่างลงจนเป็นที่น่าวิตกว่าหากทิ้งตำแหน่งว่างไว้ช้าไปเกลือกจะเกิดความเสียหายขึ้นได้อาจถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลายโดยไม่อาจแก้ไขได้ นอกจากนี้ศาลแพ่งได้มีคำสั่งในคดีล้มละลายว่ากรรมการบริษัทไม่มีอำนาจทำการแทนบริษัทราชาเงินทุน จำกัด และมีคำสั่งว่า บริษัทราชาเงินทุน จำกัด ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ผู้ชำระบัญชีย่อมหมดอำนาจไป แสดงว่าบริษัทราชาเงินทุน จำกัด ไม่มีผู้แทนอันจะแสดงความประสงค์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 เมื่อมีตำแหน่งว่างลงในจำนวนผู้จัดการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 79 และมีเหตุอันควรวิตกว่า ทิ้งตำแหน่งว่างไว้จะเกิดความเสียหาย ผู้ร้องทั้งสองในฐานะผู้มีส่วนได้เสียจึงจำต้องร้องขอต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 79, 80 ขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการชั่วคราวหรือผู้แทนเฉพาะการมีอำนาจทำการขอประนอมหนี้และกระทำการตามที่จำเป็น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการชั่วคราว หรือผู้แทนเฉพาะการสำเร็จลุล่วงไปโดยมีอำนาจกระทำการร่วมกันหรือแยกกันในนามบริษัทราชาเงินทุน จำกัด กับห้ามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กระทำการขัดขวางผู้ร้องทั้งสองในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า บริษัทราชาเงินทุน จำกัด ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วและยังมีผู้ชำระบัญชีอยู่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 79, 80 ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัทราชาเงินทุน จำกัด ก่อนที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ทางราชการได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจและธุรกิจหลักทรัพย์และแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีไว้แล้ว ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1250, และมาตรา 1259ถือว่าเป็นผู้กระทำการแทนลูกหนี้อยู่แล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22 แต่สภาพการเป็นผู้แทนของบริษัทอย่างเช่นแสดงความประสงค์ขอประนอมหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 45ยังมีอยู่ ดังนั้นที่ผู้ร้องฎีกาว่า บริษัทผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ขาดผู้แทนแสดงความประสงค์ขอประนอมหนี้จึงไม่ถูกต้อง และกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 79, 80 ทั้งคำขอของผู้ร้องเป็นการขอเป็นผู้แทนเฉพาะการของบริษัทโดยห้ามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กระทำการขัดขวางอำนาจจัดการบริษัทดังกล่าวซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ไม่มีกฎหมายสนับสนุนที่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share