คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถึงแม้ในคำบรรยายฟ้องอาญา โจทก์จะได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดแล้วก็ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158 (6) ก็ยังมีความประสงค์ให้โจทก์อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในท้ายฟ้องด้วย
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ป.วิ.อาญา ม.192 วรรค 4 หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสม ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้.
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 )

ย่อยาว

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสมคบกันลักกกระบือหรือมิฉะนั้นสมคบกันรับกระบือนั้นไว้โดยรู้ว่าเป็นของได้มาด้วยการกระทำผิด แต่ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ไม่ได้อ้างกฎหายลักษณะอาญา มาตรา ๓๒๑ เป็นบทขอให้ลงโทษจำเลยด้วย คงอ้างแต่มาตรา ๒๘๘, ๒๙๓, ๒๙๔, ๗๒
จำเลยทั้งสามรับสารภาพว่าได้สมคบกันรับซื้อกระบือของกลางไว้โดยรู้อยุ่แล้วว่าเป็นของร้ายจริง.
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลย ลักทรัพย์ส่วนข้อหาฐานรับของโจรนั้น โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษเพราะไม่ได้อ้างบทมาตราฐานรับของโจรมาในท้ายคำฟ้อง ศาลจะลงโทษเกินคำขอไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย ทั้งสามฐานรับของโจร ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนต่งมีความเห็นแย้งว่า ควรยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๑๕๘ (๖) ให้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำ เช่น นั้นเป็นความผิด จึงเห็นได้ว่าตามวิธีพิจารณามีความประสงค์ให้อ้างบทมาตราแห่งความผิด ที่โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราฐานรับของโจรในท้าย ฟ้องนั้นปรากฏตามห้องสำนวนว่า เป็นเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทย์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๑๕๒ วรรค ๔ หาได้ไม่เมื่อโจทย์มิได้มีคำขอให้ลงโทษฐานรับของโจรที่กฎหมายบัญญัติให้อ้าง จึงพิพากษาลงโทษจำเลยไม่ได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share