คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ระบุตำบลเกิดเหตุในฟ้องว่าเกิดที่ตำบลท่ายาง แต่ปรากฎเหตุเกิดอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฝั่งของคลอง ซึ่งมีฝั่งอีกฝั่งอยู่ในตำบลท่ายาง เพราะความสำคัญผิดหรือพลั้งเผลอ เพียงเท่านี้จะให้ถือฟ้องยังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๘ เวลากลางวัน ถึงวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๙๘ เวลากลางคืน จำเลยได้บังอาจลักเรือมาด ๑ ลำ ราคา ๘๐๐ บาท ของนางสร้อยไป หรือรับเรือมาดนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลท่ายาง ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๘๘,๒๙๓,๓๒๑ และขอให้สั่งจำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๘๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์ด้วย๋
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าได้ความจากพยานโจทก์ว่าเรือที่หายจอดอยู่ที่ตำบลทุ่งคา ซึ่งเป็นคนละตำบลกับที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักหรือรับของโจร จึงเป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๙๓ ให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วย
นายอ้นจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเรือที่หายจอดอยู่ที่คลองบางกะตีนซึ่งฝั่งตะวันออกของคลองบางกะตีนเป็นตำบลท่ายาง ฝั่งตะวันตกเป็นตำบลทุ่งคา ในฟ้องมิได้กล่าวว่าเรือจอดอยู่ฝั่งไหนของคลองบางกะตีน แต่กล่าวเหตุเกิดในตำบลท่ายาง อาจเป็นด้วยความเข้าใจผิดหรือพลั้งเผลอ แต่เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยยืนตามศาลอุทธรณ์

Share