คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยินยอมหรือสมัครใจให้จำเลยปิดกั้นลำรางพิพาท.เท่ากับโจทก์เต็มใจยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนในอนาคต. จะถือว่าจำเลยละเมิดต่อโจทก์ไม่ได้. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย. และไม่มีอำนาจฟ้องให้ศาลบังคับจำเลยเปิดลำรางพิพาท. ลำรางพิพาทจะเป็นลำรางสาธารณะหรือไม่ก็ตาม. จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินด้านทิศตะวันออก มีลำรางสาธารณะยาวตั้งแต่ทะเลทิศใต้ตลอดไปทางทิศเหนือจดคลองตานาค ผ่านหน้าที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออก และผ่านหน้าที่ดินของจำเลยทางด้านทิศตะวันตก จำเลยบังอาจปิดกั้นลำรางสาธารณะดังกล่าว เป็นเหตุให้น้ำทะเลไม่สามารถไหลผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ได้ ทำให้กุ้งปลาที่โจทก์เลี้ยงไว้ตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ฯลฯและขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเปิดลำราง ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ฯลฯ จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าคู่กรณีทำสัญญาประนีประนอมกันไปแล้วคดีโจทก์ต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีอาญาทางพิจารณาต่างกับฟ้อง ยกฟ้องทางอาญาและให้จำเลยรับผิดทางแพ่ง ใช้ค่าสินไหมทดแทน 2,000 บาท โจทก์มิได้อุทธรณ์ คดีส่วนอาญาเป็นอันยุติ จำเลยอุทธรณ์คดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ได้ขุดลอกลำราง แต่พอขุดลอกมาผ่านหน้าที่ดิน จำเลย จำเลยได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ กล่าวหาว่าโจทก์กับพวกบุกรุกเข้ามาในที่ดินของจำเลย พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวโจทก์ที่ 1 จำเลยอ้างว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับนายเพ็งโจทก์กับพวกโดยขอให้โจทก์กับพวกปิดกั้นลำรางพิพาทให้เรียบร้อย โจทก์รับว่าจะปิดกั้นลำรางพิพาทให้ภายในวันที่ 23 พฤษภาคม 2509 และรับว่าได้ขุดดินบุกรุกที่ของจำเลย แต่ขาดเจตนา เพราะเข้าใจว่าเป็นที่สาธารณะจำเลยก็ถอนคำร้องทุกข์ไป ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 เมื่อครบกำหนดตามที่ตกลงกันไว้ โจทก์ไม่ปิดกั้นลำรางที่พิพาทนี้จำเลยจึงได้ใช้ให้นายโป๊ะนายจิ๋มปิดกั้น ผลของการปิดกั้นเป็นเหตุให้น้ำทะเลไม่สามารถผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ได้ กุ้งปลาที่โจทก์เลี้ยงไว้ในที่ดินของโจทก์ตายเสียหายไป ศาลฎีกาเห็นว่า ตามเอกสารหมาย ล.1 โจทก์และจำเลยตกลงจะให้มีการปิดกั้นลำรางพิพาท โดยโจทก์รับจะเป็นผู้ทำการปิดกั้นลำรางพิพาทให้จำเลยภายในวันที่ 23 พฤษภาคม 2509 ข้อตกลงดังกล่าวนี้พอจะถือได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมหรือสมัครใจให้จำเลยกระทำการปิดกั้นลำรางพิพาทได้ความยินยอมของโจทก์หรือความสมัครใจของโจทก์ในกรณีเช่นนี้เท่ากับว่าโจทก์เต็มใจยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนในอนาคต ภายหลังที่ได้มีการปิดกั้นลำรางพิพาทแล้ว เหตุนี้เมื่อถึงเวลาที่โจทก์ตกลงจะทำการปิดกั้นลำรางพิพาท โจทก์ไม่ทำการปิดกั้นลำรางพิพาท จำเลยจึงได้ปิดกั้นลำรางพิพาทนี้เสียเอง การกระทำของจำเลยที่เกิดจากความยินยอมของโจทก์เช่นนี้ จะถือว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยและไม่มีอำนาจฟ้องให้ศาลบังคับให้จำเลยเปิดลำรางพิพาท ลำรางพิพาทจะเป็นลำรางสาธารณะหรือไม่ก็ตามจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย.

Share