แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เพียงแต่พยานโจทก์ผู้เสียเงินให้จำเลยประมาณวันเวลาที่จำเลยไปตรวจที่จับจองและเรียกร้องเอาเงินและจำเลยก็รับว่าได้ไปตรวจที่ดินจริงทั้งมีสมุดลงเวลาทำงานเป็นหลักฐานต้องตามวันที่โจทก์ฟ้องดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเวลาตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา136 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดตามมาตรา59 ให้ 1 ใน 3 คงจำไว้ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทเป็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 138 นอกนั้นยืน ดังนี้ เป็นการแก้น้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับราชการในตำแหน่งป่าไม้จังหวัดกระบี่ มีหน้าที่ตรวจและรับรองที่ดินซึ่งราษฎรขอจับจองซึ่งพนักงานที่ดินส่งเรื่องให้ทำการตรวจและทำความเห็นว่าควรอนุญาตหรือไม่จำเลยเรียกบังคับให้ราษฎรผู้ขอจับจองที่ดินให้เงินแก่จำเลยไร่ละ 10 บาท เป็นค่าตรวจและรับรองขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 132, 136, 137, 138
จำเลยรับว่าได้ไปตรวจที่ดินขอจับจองแก่ผู้มีชื่อตามฟ้องจริงแต่มิได้เรียกเอาเงินจากราษฎร
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติอนุมัติให้ใช้พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ. 2484 ให้จำคุก 2 ปี ปราณีลดโทษตามมาตรา 59 ให้ 1ใน 3 คงจำไว้ 1 ปี 4 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะบทลงโทษเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 138 นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จำเลยจะฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 และศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมา
ข้อที่จำเลยว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องนั้นเห็นว่าพยานโจทก์ผู้เสียเงินให้จำเลยเป็นแต่ประมาณวันเวลาที่จำเลยไปตรวจที่จับจองและเรียกร้องเอาเงิน จำเลยก็รับว่าได้ไปตรวจจริงและมีสมุดลงเวลาทำงานเป็นหลักฐาน ปรากฏตามวันที่โจทก์ฟ้อง ทางพิจารณาตามคำพยานโจทก์จึงไม่ต่างกับวันในฟ้อง
ส่วนฎีกาที่ว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 136แห่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นมาตรา 138 นั้น เห็นว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยจึงฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
พิพากษายืน