แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง แม้จำเลยจะได้ยื่นคำคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นเพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว จำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์ข้อโต้แย้งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ การที่จำเลยเพียงกล่าวอ้างปัญหาข้อนี้ไว้ในคำแก้อุทธรณ์ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2540 ถึงเดือนเมษายน 2541 จำเลยสั่งซื้อสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์สีและสารผสมสีไปจากโจทก์หลายครั้ง โจทก์ส่งมอบสินค้าดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้ว แต่จำเลยชำระราคาสินค้าไม่ครบถ้วนคงค้างชำระราคาสินค้าอีก 242,006.70 บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 270,744.99 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 240,006.70 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ แก้ไขคำให้การ ฟ้องแย้งและแก้ไขฟ้องแย้งว่า หนี้ตามฟ้องโจทก์เป็นหนี้ที่เกินกว่าความเป็นจริง โจทก์ขายและส่งมอบสินค้าที่ไม่มีคุณภาพให้แก่จำเลยทำให้เกิดความชำรุดบกพร่องและเป็นเหตุให้เสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่ชำระราคาสินค้าให้แก่โจทก์ โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินค้าเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่ได้ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยในบางรายการ ฟ้องโจทก์ในส่วนของรายการดังกล่าวจึงขาดอายุความ การที่จำเลยนำสีและสารผสมสีที่ซื้อจากโจทก์ไปใช้พ่นหรือทาเรือเดินทะเลให้แก่เจ้าของเรือที่จ้างจำเลยต่อเรือ เจ้าของเรือนำเรือเดินทะเลลำดังกล่าวออกเดินทะเลได้เพียงเที่ยวเดียว ก็ปรากฏว่าสีที่พ่นตัวเรือไว้หลุดล่อนทั่วตลอดลำเรือ เนื่องจากสีดังกล่าวไม่ยึดเกาะโลหะได้ดีเพียงพอเช่นสีที่ใช้กับเรือเดินทะเลทั่วไป ทำให้จำเลยต้องพ่นสีเรือลำดังกล่าวใหม่หมดทั้งลำ โจทก์จึงต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องในสินค้าที่โจทก์ขายให้แก่จำเลยอันเป็นเหตุให้เสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติ ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ให้ชำระค่าพ่นทรายลอกสีเดิมทั่วบริเวณลำเรือเป็นเงิน 270,360 บาท ค่าแรงพ่นสีจำนวนสองชั้นเป็นเงิน 45,060 บาท ค่าสีรองพื้นและสีทับหน้าเป็นเงิน 178,796 บาท และค่าเสียหายจากการเสียโอกาสในการใช้เรือระหว่างซ่อม 30 วัน วันละ 600,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 1,094,216 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สินค้าของโจทก์ได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากหลายสถาบัน โจทก์ไม่เคยได้รับการบอกกล่าวจากจำเลยว่าสินค้าไม่มีคุณภาพ หากจำเลยแจ้งให้ทราบโจทก์จะต้องพิสูจน์ทางเทคนิคว่าการที่สีหลุดล่อนเกิดจากสาเหตุใด การที่สีหลุดล่อนเกิดจากความไม่ชำรนาญในการทาสีของจำเลย การกล่าวอ้างของจำเลยเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ให้แก่โจทก์เท่านั้น โจทก์มีลูกค้าเป็นจำนวนมากและไม่เคยได้รับแจ้งว่าสินค้าไม่มีคุณภาพ ทั้งภายหลังเกิดปัญหาจำเลยยังคงสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เรื่อยมา จำเลยไม่มีช่างที่ชำนาญและขาดประสบการณ์ในการต่อเรือจึงเกิดปัญหา ค่าเสียหายของจำเลยรวมแล้วเพียง 122,600 บาท เท่านั้น ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 319,483 บาท แก่จำเลย พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 151,627.40 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องแย้ง ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งในส่วนฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 4,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์ จำเลยไม่ฎีกาโต้แย้งกันรับฟังยุติว่าเมื่อต้นปี 2540 บริษัทศิลปรัตน์ จำกัด ได้ว่าจ้างจำเลยต่อเรือกลเดินทะเล ขนาด 1,500 ตัน ชื่อเรือดาราชัย 1 จำเลยได้สั่งซื้อสีและสารผสมสีเพื่อใช้พ่นหรือทาเรือเดินทะเลจากโจทก์ตามที่โจทก์เสนอขาย ตามใบเสนอราคาเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.7 และใบกำกับสินค้ากับใบส่งสินค้า เอกสารหมาย จ.8 จำเลยได้ชำระราคาสินค้าให้โจทก์บางส่วนคงค้างชำระค่าสีและสารผสมสีจำนวน 151,627.40 บาท ตามเอกสารหมาย จ.18 เมื่อจำเลยต่อเรือเสร็จได้มอบเรือดังกล่าวให้แก่บริษัทศิลปรัตน์ จำกัด และบริษัทศิลปรัตน์ จำกัด นำเรือไปใช้บรรทุกสินค้าเพียงเที่ยวเดียวปรากฏว่าสีทาเรือเกิดการหลุดล่อน จำเลยต้องดำเนินการซ่อมแซมสีเรือทั้งลำ โดยจำเลยได้ซื้อสีซ่อมเรือจากโจทก์อีก 5 ถึง 6 ครั้ง และชำระค่าสินค้าด้วยเงินสด
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกตามที่จำเลยฎีกาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งชอบหรือไม่ ในข้อนี้ แม้จำเลยจะได้ยื่นคำคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งเพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว จำเลยหาได้ยื่นอุทธรณ์ข้อโต้แย้งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ไม่ การที่จำเลยเพียงกล่าวอ้างปัญหาข้อนี้ไว้ในคำแก้อุทธรณ์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงชอบแล้ว และเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเช่นกัน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยหรือไม่โดยจำเลยฎีกาว่า สีที่โจทก์ขายให้แก่จำเลยเป็นสีมีคุณภาพไม่ได้มาตรฐานนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างในฟ้องแย้ง โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่ฝ่ายจำเลย และข้อเท็จจริงที่โจทก์ จำเลยนำสืบรับกันว่า วิธีการพ่นสีเรือลำพิพาทจะต้องพ่นทรายผิวเรือด้านนอกเพื่อทำความสะอาดผิวเรือด้านนอกก่อน จากนั้นต้องพ่นสีรองพื้น 2 ชั้น โดยให้ชั้นแรกแห้งก่อนจึงพ่นสีรองพื้นชั้นที่ 2 แล้วพ่นสีภายนอกและพ่นสีกันเพรียงใต้แนวน้ำ สำหรับสีเรือพิพาทที่หลุดล่อนเฉพาะสีที่ทาภายนอกเท่านั้น ในข้อนี้จำเลยมีนายชาญ นายดาราชัย นายชูชาติ และนายประทีป เป็นพยานจำเลยเบิกความทำนองเดียวกันว่า สีที่หลุดล่อนเกิดจากคุณภาพของสีไม่ได้ ไม่มีความเหนียวติดเนื้อโลหะและติดพื้นสี แต่ทั้งนายชาญ นายดาราชัยและนายประทีปก็ตอบทนายโจทก์ถามค้านสอดคล้องกันว่า สีที่หลุดล่อนนั้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุไม่ใช่มาจากสาเหตุสีไม่มีคุณภาพเพียงอย่างเดียว อาจเกิดจากพื้นผิดของลำเรือไม่สะอาดหรือจากความชื้นหรือวิธีการพ่นสี โดยเฉพาะนายดาราชัยยังตอบทนายโจทก์ถามค้านด้วยว่า ความจริงพยานไม่ทราบว่าสีจะมีคุณภาพหรือไม่และไม่เคยนำสีดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์คุณภาพ เห็นว่า การที่พยานจำเลยยอมรับว่า สีของเรือพิพาทหลุดล่อนภายนอกอาจเกิดจากสาเหตุอื่นไม่เกี่ยวกับคุณภาพของสี แสดงว่าจำเลยไม่ได้ยืนยันว่าสีของโจทก์คุณภาพไม่มีมาตรฐานตามที่อ้าง แม้นายชาญหัวหน้าช่างสีของจำเลยจะเบิกความว่า การพ่นสีแล้วเสร็จแต่ละตอนจะมีช่างเทคนิคของโจทก์มาตรวจสอบก็เป็นการตรวจสอบหลังจากพ่นสีเสร็จแล้ว พยานไม่ได้ยืนยันว่าช่างเทคนิคของโจทก์ได้มากำกับดูแลวิธีพ่นสีด้วย จึงพิสูจน์ไม่ได้ว่าช่างสีของจำเลยพ่นสีถูกต้องตามขั้นตอนที่ช่างเทคนิคของโจทก์แนะนำ ส่วนนายชูชาติก็เบิกความเพียงลอย ๆ ว่า สีที่หลุดล่อนของเรือพิพาทเกิดจากสีไม่มีคุณภาพโดยไม่ได้อธิบายว่ามีลักษณะพิเศษต่างจากการหลุดล่อนของสีด้วยสาเหตุอื่นอย่างไรจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง นอกจากนี้นายดาราชัยพยานจำเลยยังเบิกความว่า หลังจากสีเรือหลุดล่อนจำเลยได้สั่งซื้อสีจากโจทก์ตามใบกำกับสินค้าและใบกำกับภาษีเอกสารหมาย ล.10 และ ล.11 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบชนิดของสีที่จำเลยสั่งซื้อภายหลังเพื่อซ่อมแซมสีเรือกับสีที่จำเลยสั่งซื้อจากโจทก์ครั้งแรกตามใบกำกับสินค้าและใบกำกับภาษีเอกสารหมาย จ.8 บางรายการเป็นชนิดเดียวกัน เช่น รายการสีอีวามารีน เป็นต้น และนายกฤษดา เบิกความว่าเป็นสีตระกูลเดียวกัน และได้รับการรับรองคุณภาพตามเอกสาร จ.4 เช่นนี้การที่จำเลยยังสั่งซื้อสีจากโจทก์เพื่อใช้ซ่อมแซมเรือจึงบ่งชี้ว่า จำเลยยังเชื่อถือในคุณภาพสีของโจทก์ ดังนี้ ถือว่าจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าสีของโจทก์ไม่มีคุณภาพทำให้สีภายนอกเรือพิพาทหลุดล่อน ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า สีที่โจทก์ขายให้จำเลยเป็นทรัพย์สินที่ชำรุดบกพร่องเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่โจทก์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติที่โจทก์ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 472 จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ตามฟ้องแย้ง และจำเลยต้องชำระราคาค่าสินค้าที่ค้างชำระแก่โจทก์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ