คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ฎีกาว่าจำเลยมีใบอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน มีปืนไว้ในตู้แสดงสินค้าหน้าร้านโดยมิได้รับอนุญาต ก็มีผิดฐานมีอาวุธปืนสำหรับการค้าตามมาตรา 24 ด้วย ดังนี้ เบื้องต้นต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนหรือไม่ แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็วินิจฉัยข้อกฎหมายนี้ได้เฉพาะข้อหาฐานมีอาวุธปืนยังไม่ยุติ และการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ฟังข้อเท็จจริงในการมีอาวุธปืนไว้อย่างใด จำเลยได้นำสืบไว้แล้ว ฉะนั้น ข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเป็นการมีอาวุธปืนตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบไว้แล้วเสียเอง โดยมิต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่
คำว่า มีอาวุธปืน ตามความหมายของพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 4(6) หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์ หรือมีไว้ในครอบครอง คำว่า ครอบครอง หาได้บัญญัติให้มีความหมายเป็นพิเศษอย่างใดไม่ ต้องถือว่ามีความหมายตามกฎหมายทั่วไป การถือปืนอยู่ชั่วขณะแล้วต้องส่งคืน เป็นการยึดถือปืน แต่มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน หาเป็นการครอบครองไม่ (อ้างฎีกาที่ 1824/2499 และที่ 1578/2495) กรณีนี้ร้านค้าปืนผู้เป็นเจ้าของปืนได้มอบปืนมาให้ลูกค้าดูแล้วต้องส่งคืน แม้จะวางปืนไว้ในร้านชั่วระยะเวลา ก็หาทำให้ผู้ถือปืนมาให้ดูเป็นผู้ครอบครองปืนนั้นไม่ การที่ปืนมาตกอยู่ในร้านจำเลยเพราะเหตุนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง
ซองกระสุนปืนและกระสุนปืนขนาดต่าง ๆ ที่ตรวจพบในลิ้นชักโต๊ะในร้านปืนซึ่งจำเลยเป็นผู้รับอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน จำเลยมิได้นำสืบแก้ให้เห็นว่าได้รับอนุญาตแล้ว และในบัญชีอาวุธปืนประจำร้านไม่มีอาวุธปืนและกระสุนปืนเหลืออยู่เลย ไม่มีเหตุที่จะแสดงว่าจำเลยมิได้ครอบครอง ต้องถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพราะอยู่ในร้านค้าปืนของจำเลย แต่พิเคราะห์จำนวน ลักษณะ เห็นว่า ไม่ใช่สำหรับการค้า เพราะมีชนิดละเล็กน้อย และเฉพาะกระสุนขนาด 28 จำนวน 25 นัด ก็เป็นกระสุนสำหรับปืนที่ไม่มีสั่งเข้ามานานแล้ว ทั้งเก็บอยู่ในลิ้นชัก มิได้แสดงว่าจะจำหน่าย เพียงแต่มีอาวุธปืนหรือกระสุนปืนอยู่ในร้านค้าปืน หามีความผิดตามมาตรา 24 ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1376/2493).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง คือ บังอาจมีอาวุธปืนลูกซองยาวเดี่ยวขนาด ๑๒ จำนวน ๔ กระบอก ปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด .๓๘ จำนวน ๑ กระบอก ซึ่งใช้ยิงได้ ซองกระสุน ๔ อัน กระสุนปืนลูกซองขนาด ๒๘ จำนวน ๒๕ นัด กระสุนปืนออโตเมติกขนาด .๓๘ จำนวน ๑๒ นัด กระสุนปืนรีวอลเวอร์ขนาด .๓๘ จำนวน ๑ นัด กระสุนปืนออโตเมติกขนาด ๗.๖๕ จำนวน ๔ นัด ไว้ในครอบครองสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราขบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๒๔, ๗๒, ๗๓ ; (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๕,๐๐๐ บาท รอการลงโทษ ๒ ปี ซอง (กระสุนปืน) และกระสุนปืนของกลางให้ริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๔, ๗๓ ฐานมีไว้สำหรับการค้าด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา ๗, ๗๒ จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาข้อวินิจฉัยที่ว่าการตรวจพบอาวุธปืนในร้านค้าของจำเลยเป็นการที่จำเลยมีปืนไว้ในครอบครองตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้ โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ฎีกาต่อมาว่า แม้จำเลยมีใบอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน หากมีปืนไว้ในตู้แสดงสินค้าหน้าร้านโดยมิได้รับอนุญาตการมีอาวุธปืน ก็มีความผิดฐานมีอาวุธปืน สำหรับการค้าตามมาตรา ๒๔ ด้วยจึงเห็นว่า เบื้องต้นต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนหรือไม่ ถ้าวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงนั้นเป็นการมีปืนไว้ในครอบครองแล้ว จึงจะวินิจฉัยต่อไปว่าเป็นการมีสำหรับการค้าหรือไม่ ดังนั้น แม้จำเลยจะไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็วินิจฉัยข้อกฎหมายในข้อนี้ได้ เพราะข้อหาฐานมีอาวุธปืนนี้ยังไม่ยุติ ในการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้ฟังข้อเท็จจริงว่า ปืนเข้ามาอยู่ในร้านค้านี้ในลักษณะอย่างใด และศาลอุทธรณ์ก็มิได้ฟังข้อเท็จจริงในการมีอาวุธปืนไว้อย่างใดเช่นกัน จำเลยได้นำสืบถึงความเป็นมาในการที่อาวุธปืนเข้ามาอยู่ในร้านค้าของจำเลยไว้ แต่ศาลล่างทั้งสองมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในข้อนี้ จึงเห็นว่าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เป็นการมีอาวุธปืนตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่คู่ความได้นำสืบไว้แล้วเสียเอง โดยมิต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่
พิเคราะห์แล้ว อาวุธปืน ๕ กระบอกที่ตรวจพบ เป็นปืนมีใบอนุญาต เป็นปืนของร้านค้าอื่นที่อยู่ใกล้กัน นางซอมารดาจำเลยซึ่งร่วมค้าปืนกับจำเลยในร้านเดียวกันได้เอาปืนเหล่านี้จากร้านค้าปืนร้านอื่นมาให้ลูกค้าดูในวันที่ถูกจับ ถ้าลูกค้าตกลงซื้อก็พาไปซื้อที่ร้านเจ้าของปืน ลูกค้าดูแล้วไม่ชอบใจ จึงเอาปืนใส่ไว้ในตู้ยังไม่ทันส่งคืน เจ้าพนักงานก็ไปตรวจค้นหลังจากเอาปืนมาประมาณ ๒ ชั่วโมง เห็นว่า คำว่า มีอาวุธปืน ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๔(๖) หมายความว่ามีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง คำว่า ครอบครอง ในพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ หาได้บัญญัติให้มีความหมายพิเศษอย่างใดไม่ ต้องถือว่ามีความหมายตามกฎหมายทั่วไป การถือปืนอยู่ชั่วขณะแล้วต้องส่งคืน เป็นการยึดถือปืนแต่มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน หาเป็นการครอบครองไม่ (อ้างฎีกาที่ ๑๘๒๔/๒๔๙๙ และฎีกาที่ ๑๕๗๘/๒๔๙๕) กรณีนี้ร้านค้าปืนผู้เป็นเจ้าของปืนได้มอบปืนมาให้ลูกค้าดู แล้วต้องส่งคืน แม้จะวางปืนไว้ในร้านปืนชั่วระยะเวลา ก็หาทำให้ผู้ถือปืนมาให้ดูเป็นผู้ครอบครองปืนนั้นไม่ การที่ปืนมาตกอยู่ในร้านจำเลยเพราะเหตุนี้ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองปืน ๕ กระบอกนี้ ตามนัยฎีกาดังกล่าว
ส่วนซองกระสุนและกระสุนปืนขนาดต่าง ๆ ที่ตรวจพบในลิ้นชักโต๊ะในร้านปืนประสพพรซึ่งจำเลยเป็นผู้รับอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน จำเลยมิได้นำสืบแก้ให้เห็นว่าได้รับอนุญาตแล้ว และในบัญชีอาวุธปืนประจำร้านประสพพรไม่มีอาวุธปืนและกระสุนปืนเหลืออยู่เลย ไม่มีเหตุที่จะแสดงว่าจำเลยมิได้ครอบครอง ต้องถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพราะเหตุอยู่ในร้านค้าปืนของจำเลย และได้พิเคราะห์จำนวน ลักษณะ แล้วเห็นว่าไม่ใช่สำหรับการค้า เพราะมีชนิดละเล็กน้อย เช่น กระสุนปืนสั้นขนาดต่าง ๆ ก็มีเพียงนัดเดียวบ้าง ๔ นัดบ้าง และกระสุนปืนลูกซองขนาด ๒๘ จำนวน ๒๕ นัด ก็เป็นกระสุนสำหรับปืนที่ไม่มีสั่งเข้ามานานแล้ว ทั้งการเก็บก็อยู่ในลิ้นชัก มิได้แสดงว่าจะจำหน่าย เพียงแต่มีอาวุธปืนหรือกระสุนปืนในร้านค้าปืน หามีความผิดตามมาตรา ๒๔ ไม่ เช่น ฎีกาที่ ๑๓๗๖/๒๔๙๓ พิพากษาแก้เฉพาะข้อกำหนดโทษ ให้ปรับ ๒,๐๐๐ บาท สถานเดียว นอกนั้นยืน.

Share