แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรผู้ตายเป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไว้ก่อนแล้วอัยการฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยประมาทในมูลกรณีเดียวกัน ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปตามฟ้องอัยการ คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิของผู้เสียหายที่ได้ฟ้องไว้แล้วย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์เป็นบุตรของนายเสี่ยนผู้ตายฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันใช้ปืนแก๊ปยิงนายเสี่ยนตายโดยเจตนาและไตร่ตรอง ศาลสั่งไต่สวนมูลฟ้อง ครั้นถึงวันนัดทนายโจทก์แถลงรับว่า จำเลยที่ 1 ถูกพนักงานอัยการฟ้องอีกสำนวนหนึ่งหาว่าบังอาจใช้ปืนแก๊ปยิงนายเสี่ยนในการล่าสัตว์ 1 นัดโดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้นายเสี่ยนถึงแก่ความตาย และศาลได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำอันเดียวกันกับการกระทำในคดีนี้ แต่คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องไว้ก่อน และเป็นความผิดคนละฐาน โจทก์ไม่ทราบว่าพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลพิจารณาต่อไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 คงพิจารณาคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยใช้ปืนยิงนายเสี่ยนอันเป็นการกระทำกรรมเดียวและผลแห่งกรรมเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นความผิดฐานใดเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง เมื่อศาลพิจารณาและพิพากษาว่าเป็นเรื่องฆ่าคนโดยประมาทและลงโทษไปแล้ว โจทก์จะกลับมารื้อฟื้นขอให้ศาลเริ่มต้นพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ในกรรมเดียวให้กลายเป็นเรื่องฆ่าคนโดยเจตนาอีกไม่ได้ จะเป็นการลงโทษจำเลยในกรรมเดียวซ้ำกัน ฉะนั้นสิทธิฟ้องร้องของโจทก์จึงระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้ฟ้องไว้ก่อนหรือหลัง พิพากษายืน