แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง ผู้ตายกับจำเลยเล่นการพนันกันผู้ตายหาว่าจำเลยไม่ยอมให้เงินที่เสียการพนันเป็นเงิน 1 บาทเกิดโต้เถียงกันแล้วก็เลิกกันไปต่อมาขณะจำเลยอยู่ที่เพิงซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลย ผู้ตายเมาสุรามาที่เพิงและด่าแม่จำเลยจำเลยโกรธจึงได้ใช้มีดดาบฟันแขนผู้ตาย 1 ที และแทงถูกเหนือนมขวาผู้ตายอีก 1 ที ผู้ตายถึงแก่ความตายพอถือได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72(อ้างฎีกาที่ 409/2498)
ในคดีอาญา ฟ้องในข้อหาว่าฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว ไม่ได้ต่อสู้ในข้อบันดาลโทสะเมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นในข้อบันดาลโทสะมาสู่ศาลศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้เสมอเพราะถือว่าเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา195.(อ้างฎีกาที่ 1818/2499)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มีดดาบและมีพกทำร้ายนายหอมตายโดยเจตนาฆ่าและใช้มีดดาบทำร้ายนายชูถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 295
จำเลยต่อสู้ว่า ที่ฆ่านายหอมนั้นเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ส่วนข้อหาทำร้ายนายชูจำเลยรับสารภาพ
ศาลอาญาฟังว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และ 295 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 15 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์ในการพิจารณาลดกึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการป้องกันตัว แต่จำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และจำเลยได้ทำร้ายผู้ตายในขณะนั้นเองจึงพิพากษาแก้ศาลอาญาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ซึ่งเป็นกระทงหนัก ให้จำคุกจำเลย 10 ปี ลดกึ่งตามมาตรา 78 เหลือโทษจำคุก 5 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมงเศษผู้ตายกับจำเลยเล่นการพนันกัน ผู้ตายหาว่าจำเลยไม่ยอมให้เงินที่เสียการพนันเป็นเงิน 1 บาท แล้วเกิดโต้เถียงกันแล้วก็เลิกกันไปในเวลาต่อมาขณะที่จำเลยอยู่ที่เพิงซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลยผู้ตายเมาสุรามาที่เพิงนั้นและด่าแม่จำเลย จำเลยมีความโกรธจึงได้ใช้มีดดาบฟันผู้ตาย 1 ที ถูกแขนซ้ายและแทงผู้ตายอีก 1 ที ถูกเหนือนมขวา แผลเหนือนมทำให้ถึงตายเพราะเสียเลือดมาก ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลทั้งสองว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยเจตนาและไม่ใช่กระทำโดยป้องกัน แต่ศาลฎีกาเห็นว่าน่าเห็นใจจำเลยที่ถูกผู้ตายเมาสุรามาอาละวาดด่าแม่ถึงที่อยู่ของจำเลย จำเลยสุดที่จะนิ่งเฉยอยู่ได้พอถือได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 และฎีกาที่ 409/2498
ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าจำเลยได้กระทำผิดเพราะบันดาลโทสะ จึงไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะหยิบยกขึ้นมาปรับกับคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในคดีอาญา เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นมาสู่ศาลก็ดี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้เสมอ เพราะถือว่าเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 และฎีกาที่ 1818/2499
ศาลฎีกาพิพากษายืน