แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการเจรจาติดต่อล่อซื้อเฮโรอีนของกลางตามที่เจ้าพนักงานตำรวจสืบทราบว่าจำเลยที่2มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเฮโรอีนนั้นจ่าสิบตำรวจส. กับพวกได้ให้สายลับซึ่งรู้จักจำเลยที่1พาไปพบจำเลยที่1ให้ช่วยเจรจาในการล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยที่2โดยจะให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยที่1เป็นเงิน2,000บาทจำเลยที่1จึงดำเนินการตามที่จ่าสิบตำรวจส. กับพวกขอร้องจนกระทั่งมีการนัดหมายส่งมอบเฮโรอีนในวันเกิดเหตุดังนี้การที่จำเลยที่1ดำเนินการให้น่าเชื่อว่าเกิดจากจำเลยที่1หวังผลตอบแทนจึงฟังได้ว่าจำเลยที่1เป็นเพียงคนกลางในการช่วยติดต่อเจรจาเพื่อล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยที่2เพื่อให้การจับจำเลยที่2บรรลุผลเท่านั้นเมื่อจำเลยที่1รับเฮโรอีนจากจำเลยที่2ก็นำมามอบให้จ่าสิบตำรวจส.ทันทีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยที่1มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองและจำหน่ายเฮโรอีนถือไม่ได้ว่าจำเลยที่1มีเจตนากระทำความผิดจำเลยที่1จึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง, 102 การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ทั้งสองบทมีโทษเท่ากัน ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 8 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด5 ปี 4 เดือน และริบของกลาง ความผิดฐานอื่นให้ยก
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1พร้อมกับยึดเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จากจำเลยที่ 1 จำนวน 20 หลอด น้ำหนักสุทธิ 17.43 กรัม ต่อมาวันที่ 8พฤศจิกายน 2536 เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 2 ได้ มีปัญหาว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ในการเจรจาติดต่อล่อซื้อเฮโรอีนของกลางตามที่สืบทราบว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเฮโรอีนนั้นจ่าสิบตำรวจสุริยากับพวกได้ให้สายลับซึ่งรู้จักจำเลยที่ 1พาไปพบจำเลยที่ 1 ให้ช่วยเจรจาในการล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2โดยจะให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยที่ 1จึงดำเนินการตามที่จ่าสิบตำรวจสุริยากับพวกขอร้องถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นเพียงคนกลางในการช่วยติดต่อเจรจาเพื่อล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2 เพื่อให้การจับจำเลยที่ 2 บรรลุผลเท่านั้นเมื่อจำเลยที่ 1 รับเฮโรอีนจากจำเลยที่ 2 ก็นำมามอบให้จ่าสิบตำรวจสุริยาทันที่ จึงไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองและจำหน่ายเฮโรอีน ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1มีเจตนากระทำความผิด จำเลยที 1 จึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3