คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7093/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ถูกกล่าวหาทราบดีอยู่แล้วว่า หนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินไม่ถูกต้องเพราะราคาประเมินที่ดินสูงเกินความเป็นจริง การที่ผู้ถูกกล่าวหานำหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวมาใช้ยื่นขอประกันตัวจำเลยต่อศาล ย่อมเป็นการหลอกลวงศาลให้หลงเชื่อถึงความถูกต้องของหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินนั้นพฤติการณ์ดังกล่าวมีลักษณะร้ายแรง กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษให้ผู้ถูกกล่าวหา

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาได้นำที่ดินมาเป็นหลักประกันในการขอประกันตัวจำเลย พร้อมทั้งแสดงราคาที่ดินโดยอาศัยหนังสือรับรองราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปักธงชัย ต่อมาสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปักธงชัย แจ้งว่าหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1), 33 ลงโทษจำคุก 6 เดือน นับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ละเมิด 4/2541 ของศาลชั้นต้น

ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาขอให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษปรับ หรือรอการลงโทษจำคุก

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นคำร้องขอใบประเมินราคาที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปักธงชัย ด้วยตนเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมามีผู้ชักชวนให้ผู้ถูกกล่าวหานำที่ดินแปลงดังกล่าวมาประกันตัวจำเลยในคดีนี้อีก โดยบอกว่ารู้จักเจ้าพนักงานที่ดินสามารถทำให้ราคาประเมินที่ดินสูงขึ้นได้ โดยเสียค่าธรรมเนียม 1,500บาท ย่อมแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า ผู้ถูกกล่าวหาทราบดีอยู่แล้วว่าหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินฉบับนี้ไม่ถูกต้อง เพราะราคาประเมินที่ดินสูงเกินความเป็นจริง การที่ผู้ถูกกล่าวหานำหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวมาใช้ยื่นขอประกันตัวจำเลยต่อศาล ย่อมเป็นการหลอกลวงศาลให้หลงเชื่อถึงความถูกต้องของหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวจึงมีลักษณะร้ายแรง นับว่าเป็นภัยต่อกระบวนการยุติธรรมอันเป็นช่องทางให้จำเลยที่ได้รับการประกันตัวไปอาจหลบหนีได้ อีกทั้งเมื่อนายประกันผิดสัญญาประกันต่อศาล การบังคับคดีกับที่ดินแปลงที่เอาประกันอาจได้เงินไม่เพียงพอที่จะชำระตามสัญญาประกันอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการศาลได้ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรและมารดาที่แก่ชราตามที่อ้างมาในชั้นฎีกาก็ตาม กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษให้ผู้ถูกกล่าวหา ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหามีกำหนด 6 เดือนโดยไม่รอการลงโทษให้นั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว

พิพากษายืน

Share