คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7092/2552

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 (4) ที่ว่า บุคคลอื่นใดนอกจากคู่ความที่ได้ยื่นฟ้องคดีอันไม่มีข้อพิพาทได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อม ให้ถือว่าบุคคลเช่นนั้นเป็นคู่ความ มิได้หมายความว่า ถ้าใครมาคัดค้านจะเป็นคู่ความไปเสียทั้งหมด แต่คงหมายเฉพาะผู้คัดค้านที่จะคัดค้านได้เท่านั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครกลับจดชื่อบริษัท ก. คืนเข้าสู่ทะเบียนเพื่อผู้ร้องจะได้ดำเนินการฟ้องบังคับชำระหนี้กับบริษัทดังกล่าวแทนบรรดาผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ ประเด็นแห่งคดีมีอยู่เพียงว่า มีเหตุผลสมควรที่จะสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครกลับจดชื่อบริษัทดังกล่าวคืนเข้าสู่ทะเบียนหรือไม่ ผู้คัดค้านเป็นเพียงผู้มีสิทธิการเช่าอาคารซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของบริษัทดังกล่าวเท่านั้น มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดี จึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้านเข้ามาในคดี

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมีหน้าที่ดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่ผู้กระทำละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ผู้ร้องแต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคและแจ้งคำสั่งไปยังกระทรวงยุติธรรมเพื่อแจ้งให้ศาลทราบแล้ว เดิมบริษัทแกรนด์ เบส จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2535 มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการซื้อขายและจัดสรรที่ดิน เมื่อประมาณปี 2538 บริษัทดังกล่าวโฆษณาขายบ้านพักอาศัยพร้อมที่ดิน ชื่อโครงการนคราลัย-ประชาสำราญ ผู้บริโภคที่ประสงค์จะซื้อจะทำสัญญาจะซื้อจะขายไว้กับบริษัท มีข้อกำหนดให้ผู้บริโภคชำระเงินมัดจำเป็นงวด ๆ ตามจำนวนและกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาส่วนบริษัทจะดำเนินการก่อสร้างบ้านและรับชำระเงินส่วนที่เหลือเมื่อก่อสร้างบ้านเสร็จแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินให้แก่ผู้บริโภคปรากฏว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากเข้าทำสัญญากับบริษัทและชำระเงินมัดจำตามสัญญา แต่บริษัทไม่สามารถก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จตามสัญญา จึงเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 และวันที่ 11 มีนาคม 2545 มีผู้บริโภครายนายการุณ และนางสาวสมศรี เข้าร้องเรียนต่อผู้ร้องว่าถูกบริษัทดังกล่าวละเมิดสิทธิ ซึ่งผู้ร้องมีหน้าที่ต้องดำเนินคดีกับบริษัท แต่ปรากฏว่านายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทได้ขีดชื่อบริษัทดังกล่าวออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้างเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2545 โดยมีการแจ้งความโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2546 ยังผลให้บริษัทดังกล่าวเป็นอันเลิกกันตั้งแต่วันโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาผู้ร้องจึงไม่อาจฟ้องร้องบริษัทดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีแทนผู้บริโภคผู้เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทที่มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากผู้ร้อง จึงมีความจำเป็นต้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครกลับจดชื่อบริษัทแกรนด์ เบส จำกัด คืนเข้าสู่ทะเบียนเพื่อผู้ร้องจะได้ดำเนินการฟ้องบังคับชำระหนี้กับบริษัทดังกล่าวต่อไป
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเป็นคำสั่งของฝ่ายปกครอง คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลปกครอง ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาคดีผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิการเช่าอาคารเลขที่ 2/84-85 หมู่ที่ 9 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแกรนด์ เบส จำกัด ก่อนบริษัทดังกล่าวถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน ปัจจุบันผู้คัดค้านให้ผู้อื่นเช่าสถานที่ดังกล่าวไปแล้ว บริษัทแกรนด์ เบส จำกัด ค้างชำระค่าเช่าผู้คัดค้านอยู่หลายเดือน ผู้คัดค้านไม่ประสงค์จะให้บริษัทดังกล่าวเช่าอีกต่อไป หากศาลมีคำสั่งให้กลับจดชื่อบริษัทแกรนด์ เบส จำกัด คืนเข้าสู่ทะเบียนย่อมทำให้ผู้คัดค้านได้รับความเสียหาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครกลับจดชื่อบริษัทแกรนด์ เบส จำกัด คืนสู่ทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246 (6)
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้าน คืนค่าขึ้นศาลชั้นต้นอุทธรณ์แก่ผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยก่อนว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องคัดค้านเข้ามาในคดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 (4) ที่ว่าบุคคลอื่นใดนอกจากคู่ความที่ได้ยื่นฟ้องคดีอันไม่มีข้อพิพาทได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อม ให้ถือว่าบุคคลเช่นนั้นเป็นคู่ความ มิได้หมายความว่า ถ้าใครมาคัดค้านจะเป็นคู่ความไปเสียทั้งหมด แต่คงหมายเฉพาะผู้คัดค้านที่จะคัดค้านได้เท่านั้น คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครกลับจดชื่อบริษัทแกรนด์ เบส จำกัด คืนเข้าสู่ทะเบียนเพื่อผู้ร้องจะได้ดำเนินการฟ้องบังคับชำระหนี้กับบริษัทดังกล่าวแทนบรรดาผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ ประเด็นแห่งคดีมีอยู่เพียงว่า มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครกลับจดชื่อบริษัทดังกล่าวคืนเข้าสู่ทะเบียนหรือไม่ ผู้คัดค้านเป็นเพียงผู้มีสิทธิการเช่าอาคารซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของบริษัทดังกล่าวเท่านั้น หาได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดีไม่ จึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้านเข้ามาในคดี ที่ศาลชั้นต้นรับคำคัดค้านไว้พิจารณาจึงเป็นการไม่ชอบ ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกาต่อมาได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้าน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่รับคำคัดค้านยกฎีกาของผู้คัดค้าน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่ผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากที่สั่งคืนและค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ

Share