คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยกล่าวว่าจำเลยร้องเรียนกล่าวโทษพลตำรวจซึ่งจับกุมจำเลยต่อหน้าคนหลายคนว่าพลตำรวจผู้นั้นขู่เอาเงินจากจำเลย ถ้าให้เงินแล้วจะช่วยคุมไม้ขีดไฟซึ่งตรวจค้นพบนั้นไปส่งที่ด่าน ทำให้พลตำรวจผู้นั้นเสียชื่อเสียงและอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชัง ดังนี้ เป็นฟ้องที่เป็นมูลความผิดอันควรรับไว้พิจารณาต่อไปในชั้นนี้ยังไม่พอที่จะถือว่าต้องด้วยข้อยกเว้นฐานหมิ่นประมาทตาม มาตรา 283(1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความพลตำรวจภูธรชิตเจ้าพนักงานตำรวจภูธรประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอกงไกรลาส ซึ่งเข้าทำการตรวจค้นตามหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย พบไม้ขีดไฟ 3,000 กล่องของจำเลย บรรทุกรถยนต์จากตลาดอำเภอกงไกรลาสมายังตลาดอำเภอเมืองสุโขทัย โดยจำเลยร้องเรียนกล่าวโทษต่อ ร.ต.อ.ผาด ผู้กำกับการตำรวจภูธร ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาพลตำรวจชิตว่า “พลตำรวจภูธรชิตไปขู่จะเอาเงินจากจำเลย 30 บาท ถ้าจำเลยให้เงิน 30 บาทแล้วพลตำรวจภูธรชิตจะช่วยคุมไม้ขีดไฟไปส่งที่ด่าน” (ที่ตรวจของต้องห้าม) อาจทำให้พลตำรวจภูธรชิตเสียชื่อเสียงและคนทั้งหลายดูหมิ่นหรือเกลียดชังและทางราชการขาดความเชื่อถือได้ จำเลยได้กล่าวต่อหน้าร.ต.ต.เจียน จ.ส.ต.เชย ส.ต.ท.ประสิทธิ์และบุคคลอื่น ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 116, 282

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้อง อ้างเหตุว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวเข้าลักษณะตามกฎหมายอาญา มาตรา 283 ข้อ 1 ซึ่งไม่มีโทษฐานหมิ่นประมาท

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ข้อ 5 แล้ว คำกล่าวของจำเลยหาเข้าด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 283 ข้อ 1 ไม่ ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องพิจารณาพิพากษาต่อไป

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share