คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7090/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 ไม่จำต้องขอเฉลี่ยต่อทรัพย์ที่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นโดยตรง สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อบุคคลภายนอกถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลย เมื่อโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อบุคคลภายนอกจนต่อมาบุคคลภายนอกถูกบังคับคดี ป.วิ.พ. มาตรา 312 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ดำเนินการต่อบุคคลภายนอกเสมือนหนึ่งว่าบุคคลนั้นเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน 3 แปลงของบุคคลภายนอกย่อมถือว่าบุคคลภายนอกมีสถานะเช่นเดียวกับจำเลย ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยในทรัพย์ของบุคคลภายนอกที่ถูกโจทก์นำยึดได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 24048, 30510 และ 30511 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีชื่อนายสุรศักดิ์หรือสิริทัศน์และนางจริณพร เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมและเป็นลูกหนี้ของจำเลย เพื่อนำมาขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่โจทก์ยึดไว้คดีนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องกับอุทธรณ์ของผู้ร้องซึ่งไม่มีผู้โต้แย้งคัดค้านว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย ต่อมาโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนวน 3 แปลง ซึ่งเป็นของนายสุรศักดิ์หรือสิริทัศน์กับนางจริณพร โดยบุคคลทั้งสองเป็นลูกหนี้ของจำเลย เพื่อนำมาขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายสุรศักดิ์กับนางจริณพรตามคดีแพ่งหมายแดงที่ ย. 977/2546 ผู้ร้องได้ทำการยึดทรัพย์ของนายสุรศักดิ์และนางจริณพรมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แล้วแต่ยังไม่ครบ จึงแถลงขอยึดทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินทั้ง 3 แปลงในคดีนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่าเป็นการยึดซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ให้ยกคำร้อง ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้เป็นคดีนี้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่า การยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 นั้น จะต้องขอเฉลี่ยต่อทรัพย์ที่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นโดยตรงหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ในการยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้ว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีก แต่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นว่านี้มีอำนาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น เพื่อให้มีคำสั่งให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือในเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น อันหมายความว่าในกรณีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นมีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหลายราย กฎหมายไม่ประสงค์จะให้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์ของลูกหนี้ซ้ำซ้อน เมื่อมีการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคนใดคนหนึ่งแล้ว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคนอื่นมีสิทธิที่จะได้รับการชำระหนี้โดยการยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์เท่านั้น และมีหลักเกณฑ์สำคัญที่ศาลต้องพิจารณาอีกประการหนึ่งซึ่งได้บัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตราดังกล่าวว่า ผู้ขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้อีก กรณีไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องเข้าเฉลี่ยจากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยตรง ทั้งที่ดินที่โจทก์นำยึดทั้ง 3 แปลง ก็เป็นสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อบุคคลภายนอก อันถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของจำเลย เมื่อโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อบุคคลภายนอกจนกระทั่งต่อมาบุคคลภายนอกดังกล่าวนั้นถูกบังคับคดี ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 312 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ดำเนินการต่อบุคคลภายนอกเสมือนหนึ่งว่าบุคคลนั้นเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ดังนั้น เมื่อโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินทั้ง 3 แปลง ของนายสุรศักดิ์กับนางจริณพร ย่อมถือว่าบุคคลทั้งสองมีสถานะเช่นเดียวกับจำเลยอันเปรียบเสมือนลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์เช่นกัน ทั้งหากห้ามมิให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายสุรศักดิ์กับนางจริณพรยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้เข้ามาในคดีนี้ โดยปรากฏว่าบุคคลทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นอีก ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็จะไม่มีส่วนได้รับการเฉลี่ยหนี้และอาจจะไม่ได้รับการชำระหนี้เลยอันจะกลายเป็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่ยึดทรัพย์ได้ก่อนหรือยึดเอาไว้ก่อนจะได้เปรียบเจ้าหนี้ตามคำพิพากษารายอื่น ซึ่งไม่น่าจะต้องด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้รับคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนต่อไปแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้รวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่

Share