แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนได้ความจากคำเบิกความของนาง ต. นาย ศ. เองว่า นาง ต. นาย ศ. กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแล้ว ศาลก็ลงโทษได้โดยไม่จำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นใดต่อไปอีก
นาย ก. ผู้รับมอบอำนาจจากนายประกันยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายตามมรรณบัตรโดยได้รับแจ้งจากนาง ต. เมื่อศาลเรียกนาง ต. ไปสอบถาม นาง ต. ก็แถลงยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย และนาย ศ.ออกมรณบัตรให้นาง ต.พิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้แจ้งไว้ เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย การที่นาง ต. มอบมรณบัตรที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาย ก. นำไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น และการที่นาง ต. แถลงยืนยันต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
นาย ศ. ออกมรณบัตรแสดงว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายให้นาง ต.ไปโดยรู้ว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง และรู้เห็นด้วยในการที่นาง ต. นำมรณบัตรนั้นให้นาย ก. ไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น แม้นาย ศ.มิได้นำมรณบัตรนั้นไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นเอง พฤติการณ์ของนาย ศ. ดังกล่าวก็เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเช่นเดียวกัน.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น นางวันเพ็ญ อิทรสูต โดยนายกฤษฎา ภู่ชินาพันธ์ ผู้รับมองอำนาจเป็นผู้ประกันจำเลยทั้งสอง ต่อมานายกฤษฎา ผู้รับมอบอำนาจยื่นคำแถลงว่าได้รับแจ้งจากนางติ๊บ กันคำ มารดาจำเลยที่ ๒ ว่า จำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายแล้ว ปรากฏตามมรณบัตรคำแถลง ขอให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒ และคืนหลักประกันแก่ผู้ประกัน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยที่ ๒ มิได้ถึงแก่ความตายตามที่ผู้ประกันแถลง มรณบัตรสำนักทะเบียนตำบลโป่งทุ่ง เลขที่ ๑๔/๒๖ ที่ผู้ประกันอ้างส่งท้ายคำแถลงนั้นเป็นมรณบัตรที่นายทะเบียนรับแจ้งว่า นางจันทร์ ปาปัน ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ประกันไม่สามารถแสดงหลักฐานการตายของจำเลยที่ ๒ และไม่นำจำเลยที่ ๒ มาส่งศาลให้ปรับผู้ประกันตามสัญญาและหมายเรียกนางติ๊บ กันคำ มารดาจำเลยที่ ๒ มาสอบถาม นางติ๊บแถลงว่า จำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายด้วยโรคท้องร่วง และได้แจ้งต่อนายศรีทร คุณาธรรม กำนันตำบลโป่งทุ่งตามมรณบัตรเลขที่ ๑๔/๒๖ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้หมายเรียกนายศรีทร คุณาธรรม กำนันตำบลโป่งทุ่ง อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ออกมรณบัตรดังกล่าวและนายเลิศ สุใจดา ผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่มาสอบถาม
ศาลชั้นต้นไต่สวนมีคำสั่งว่านางติ๊บ กันคำ และนายศรีทร คุณาธรรม ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ให้จำคุกนางติ๊บ กันคำ กับนายศรีทร คุณาธรรมไว้มีกำหนด ๖ เดือน
นางติ๊บ กันคำ และนายศรีทร คุณาธรรม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
นางติ๊บ กันคำ และนายศรีทร คุณาธรรม ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นางติ๊บแจ้งต่อนายศรีทรว่า จำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายและนายศรีทรออกมรณบัตรให้แก่นางติ๊บตามที่นางติ๊บแจ้งนั้น นางติ๊บและนายศรีทรรู้อยู่แล้วว่าไม่ตรงกับความเป็นจริงข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตาย ที่นางติ๊บ นายศรีทรฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่ให้โอกาสแก่บุคลลทั้งสองนำหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณานั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนได้ความจากคำเบิกความของนางติ๊บ นายศรีทรเองว่า นางติ๊บ นายศรีทร กระทความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแล้ว ศาลก็ลงโทษได้โดยไม่จำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นใดต่อไปอีก
ปัญหาข้อต่อมาที่นางติ๊บ นายศรีทรฎีกาว่า นายกฤษฎา ภู่ชินาพันธ์ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ประกันเป็นผู้นำมรณบัตรที่แจ้งว่าจำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายยื่นแสดงต่อศาล บุคคลทั้งสองมิได้นำมรณบัตรดังกล่าวยื่นแสดงต่อศาลเองและนายศรีทรออกมรณบัตรนั้นโดยมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับนายกฤษฎาที่นำมรณบัตรดังกล่าวไปยื่นแสดงต่อศาลนั้นเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตาย การที่นางติ๊บมอบมรณบัตรที่แจ้งว่าจำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายให้นายกฤษฎานำไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นและนางติ๊บแถลงยืนยันต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล นายศรีทรรู้จักกับนางติ๊บมาก่อนประมาณ ๑๐ ปี ทั้งรู้จักจำเลยที่ ๒ ด้วย การที่นายศรีทรยอมออกมรณบัตรดังกล่าวให้นางติ๊บไปโดยรู้อยู่ว่าไม่ตรงกับความจริง เชื่อได้ว่านายศรีทร ร่วมรู้เห็นด้วยในการที่นางติ๊บนำมรณบัตรนั้นให้นายกฤษฎาไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้น แม้นายศรีทรมิได้นำมรณบัตรนั้นไปยื่นแสดงต่อศาลชั้นต้นเอง พฤติการณ์ของนายศรีทรดังกล่าวก็เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน