คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาแบ่งแยกความรับผิดตามสัญญากู้เดิม แม้จะมีบุคคลพายนอกเข้ามารับผิดไหม่อีก ก็ไม่ต้องปิดอากรสแตมป์.

ย่อยาว

ข้อเท็ดจิงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๒๕ กรกดาคม ๒๔๗๖ นางโต๊ะ คงดีกับพวกได้กู้เงินนายริดบิดาโจทไป ๕๐๔๓ บาท ได้ปิดอากรสแตมป์ไนหนังสือสัญญากู้แล้ว ต่อมาได้ทำสัญญาแบ่งแยกรับผิดเปนส่วน ๆ กันโดยนางโต๊ะคงดีกับจำเลย(ซึ่งเปนสามีนางโต๊ะ) ยอมชำระหนี้ไนต้นเงินจำนวน ๑๓๔๗ บาท ๖๖ สตางค์ แต่ไม่มีการปิดอากรสแตมป์ไนหนังสือสัญญานั้นต่อมา พ.ส. ๒๔๘๑ นายริดบิดาโจทวายชนม์ โจทเปนผู้รับมรดกจึงฟ้องเรียกดอกเบี้ยที่ค้างเพียง ๕ ปีเงิน ๕๐๐ บาท ฯลฯ
จำเลยไห้การว่าได้ทำสัญญาแบ่งความรับผิดจิง แต่ได้ชำระหนี้รายนี้ไห้แก่นายริดแล้ว และแถลงเพิ่มเติมว่าโจทไม่มีสิทธิจะเรียกดอกเบี้ยเพราะเปนการแปลงหนี้ไหม่ สัญญาเดิมระงับสิ้นไปแล้ว
สาลชั้นต้นพิจารนาเห็นว่าจำเลยจะต้องรับผิดแต่ฉเพาะต้นเงินที่แบ่งแยกความรับผิดและเชื่อว่าจำเลยได้ชำระหนี้แล้ว จึงพิพากสายกฟ้อง
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสากลับไห้จำเลยไช้เงินตามฟ้อง แต่มีความเห็นแย้งว่า สัญญาที่โจทนำมาฟ้องไม่ปิดอากรสแตมป์ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติอากรสแตมป์ พ.ส. ๒๔๗๕ จะฟ้องบังคับคดีไม่ได้ ส่วนข้อเท็ดจิงก็เห็นว่าจำเลยชำระหนี้แล้ว
จำเลยดีกาว่า ๑. สัญญาแบ่งแยกความรับผิดเปนสัญญาแปลงหนี้ไหม่ เมื่อไม่ปิดอากรสแตมป์จะถือเปนพยานหลักถานไนสาลไม่ได้
๒. จำเลยได้ชำระหนี้แล้ว
๓. จำเลยมิได้ผิดนัด
สาลดีกาเห็นว่า สัญญาแบ่งแยกความรับผิดของลูกหนี้ไม่ไช่หนังสือกู้เงิน ไม่ต้องปิดอากรสแตมป์ ตามพระราชบัญญัติอากรสแตมป์ พ.ส.๒๔๘๕ บัญชี ก.อันดับ ๕ ไห้ปิดฉเพาะสัญญากู้เงิน ส่วนปัญหาข้อเท็ดจิงว่าจำเลยได้ชำระเงินหรือไม่นั้น เห็นพ้องด้วยกับสาลอุธรน์ว่าจำเลยยังมิได้ชำระ ไนข้อว่าจำเลยมิได้ผิดนัดนั้นรูปคดีฟังได้สนิทว่าจำเลยผิดนัด ดีกาจำเลยฟังไม่ขั้น จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share