แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กับจำเลยท้ากันให้ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบที่พิพาท หากศาลเห็นว่าโจทก์มีทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะทางอื่นนอกจากทางพิพาทแล้ว โจทก์ยอมแพ้คดี หากไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะทางอื่น จำเลยยอมแพ้คดี ข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีทางสามทางออกสู่ทางสาธารณะ แต่ทั้งสามทางจะต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่น ซึ่งไม่ปรากฏว่าเจ้าของที่ดินทั้งสามรายนี้ได้ยกที่ดินเป็นทางดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะหรือเป็นทางภาระจำยอม โจทก์ย่อมไม่อาจใช้ทางทั้งสามได้โดยชอบเพื่อออกสู่ทางสาธารณะได้ ซึ่งมีผลเท่ากับไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าถือไม่ได้ว่าทางออกดังกล่าวเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะตามที่ท้ากันและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้านั้น ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้พิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็น ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนรั้วลวดหนามและสิ่งกีดขวางออกจากทางพิพาท ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติให้โจทก์ทั้งสี่เป็นผู้รื้อถอนเองโดยจำเลยทั้งสองร่วมกันเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนทางจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๐๔๗๓ และ ๒๐๔๕๖ ตำบลกำแพงเซา จังหวัดนครศรีธรรมราช ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า ทางพิพาทตามฟ้องไม่ใช่ทางจำเป็นที่โจทก์ทั้งสี่จะใช้เป็นทางเข้าออกระหว่างที่ดินโจทก์ทั้งสี่กับถนนสาธารณะ เพราะโจทก์ทั้งสี่ยังมีทางเข้าออกทางอื่นอีกหลายทาง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสองตกลงท้ากันว่า ขอให้ศาลเดินเผชิญสืบ หากศาลเห็นว่าโจทก์ทั้งสี่มีทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะทางอื่นนอกจากทางพิพาทแล้ว โจทก์ทั้งสี่ยอมแพ้คดี หากโจทก์ทั้งสี่ไม่มีทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะทางอื่น จำเลยทั้งสองยอมแพ้คดี โดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นเพื่อประโยชน์ของโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๐๔๗๓ ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนรั้วลวดหนามและสิ่งกีดขวางออกจากทางพิพาท ถ้าจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอนให้โจทก์ที่ ๑ เป็นผู้รื้อถอนเอง โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ และค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๑ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏต่อศาลว่าทางสามทางที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าสามารถเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้นั้น ทางที่หนึ่งผ่านที่ดินของนางเจือ ทางที่สองผ่านที่ดินของนางช่วย และทางที่สามผ่านที่ดินของนายช่วง ซึ่งแต่ละเส้นทางเป็นทางเดินในสวนยางพารา มีความกว้างขนาดคนเดินได้ ไม่ปรากฏร่องรอยว่าเป็นทางเข้าออกของรถยนต์ และทางเข้าออกดังกล่าวจำต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่น โดยไม่ปรากฏว่าทางดังกล่าวนี้เจ้าของที่ดินได้ยกให้เป็นทางสาธารณะหรือตกเป็นทางภาระจำยอมแต่อย่างใด โจทก์ที่ ๑ ย่อมไม่อาจใช้ทางทั้งสามนี้ได้โดยชอบเพื่อออกสู่ทางสาธารณะได้ซึ่งมีผลเท่ากับไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ถือไม่ได้ว่าทางออกดังกล่าวเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะตามที่ท้ากันและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดีตามคำท้านั้น ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษา ฎีกาโจทก์ที่ ๑ ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๐๔๗๓ ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ของโจทก์ที่ ๑ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนรั้วลวดหนามและสิ่งกีดขวางออกจากทางพิพาท คำขออื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๘ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.