แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปัญหาว่า น.ส.3 ก. ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทหรือไม่มีคำขอของคู่ความให้วินิจฉัย ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจาก ท. และครอบครองมาโดยตลอดส่วนโจทก์มีชื่อเป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองตาม น.ส. 3 ก.ในที่ดินพิพาทเพราะโจทก์รับสมอ้างไปดำเนินการแทนจำเลยเท่านั้นแสดงว่ามีการออก น.ส.3 ก. ในนามโจทก์ ทั้งที่โจทก์มิได้เป็นผู้ซื้อและครอบครองที่ดินพิพาท เป็นการออกโดยฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไม่มีผลเป็น น.ส.3 ก. โจทก์และจำเลยต่างไม่มีสิทธิจะใช้ประโยชน์จาก น.ส.3 ก. ดังกล่าวได้ เมื่อ น.ส.3 ก.นั้นออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นสมควรให้เพิกถอนน.ส.3 ก. ฉบับนั้นเสียด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก.เลขที่ 1899 โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองเพื่อประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยแก่ธนาคารกรุงเทพฯ ต่อมาโจทก์จะไถ่ถอนจำนองและขอรับ น.ส.3 ก. คืน ปรากฎว่าจำเลยได้ชำระหนี้เงินยืมและรับ น.ส.3 ก. คืนจากธนาคารไปก่อนแล้วขอให้บังคับจำเลยส่งมอบ น.ส.3 ก. คืนโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ และชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของจำเลยเมื่อทางราชการสำรวจรังวัดออก น.ส.3 ก. จำเลยสมรู้กับโจทก์ให้โจทก์แสดงตนเป็นผู้ครอบครองแจ้งการครอบครองต่อสำนักงานที่ดินอำเภอ เพื่อปกปิดเจ้าหนี้ จำเลยมิให้ยึดที่ดินจำเลยภายหลังเมื่อที่ดินมี น.ส. 3 ก. เมื่อโจทก์ได้ น.ส.3 ก. แล้วโจทก์มอบ น.ส.3 ก. ให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์แก้ชื่อใน น.ส.3 ก. เลขที่ 1899 เป็นชื่อจำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีความเสียหาย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งเฉพาะคำฟ้องส่วนที่ว่า จำเลยสมรู้กับโจทก์ในการแจ้งการครอบครองที่ดินไว้พิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องและฟ้องแย้ง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากนายเทพชัย ปัญญาโน และจำเลยครอบครองที่ดินมาโดยตลอด ส่วนโจทก์มีชื่อเป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเพราะโจทก์รับสมอ้างไปดำเนินการแทนจำเลยเท่านั้นแสดงว่ามีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในนามโจทก์ทั้งที่โจทก์มิได้เป็นผู้ซื้อและครอบครองที่ดินพิพาท เป็นการออกโดยฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวจึงไม่มีผลเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินทั้งโจทก์และจำเลยต่างไม่มีสิทธิจะใช้ประโยชน์จากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้ ที่จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยมิใช่ประเด็นข้อพิพาท เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกเหนือจากที่ปรากฎในคำฟ้องคำให้การและฟ้องแย้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าปัญหาว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทหรือไม่มีคำขอของคู่ความให้วินิจฉัย ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาชอบแล้ว เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับนั้นเสียด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1899 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 2