คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตาม พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475มาตรา 3 นั้น ความสำคัญอยู่ที่การให้กู้โดยเรียกหรือคิดเอาดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่นทำหนังสือสัญญาในการกู้ยืมเงินว่าให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายหรือในเอกสารกู้ยืมเงินจะมิได้กล่าวถึงเรื่องดอกเบี้ยเลยแต่ในทางปฏิบัติผู้ให้กู้ได้คิดหรือเรียกเอาดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายได้กำหนดไว้ก็เป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตรา โดยบรรยายในฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2492 จำเลยได้ให้นายหลาดกู้ยืมเงินไป 3,000 บาท ต่อมาวันที่ 30 เมษายน 2495 จำเลยบังอาจคิดเอาดอกเบี้ยในจำนวนเงิน 3,000 บาท เป็นจำนวนเงิน 1,600 บาทเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ 400 บาท ฯลฯ จึงขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ. 2475 มาตรา 3 ปรับ 100 บาท ลดฐานรับสารภาพตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 50 บาท

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้กำหนดโทษให้สูงขึ้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องดังกล่าว ยังลงโทษจำเลยไม่ได้พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ. 2475 มาตรา 3 นั้นความสำคัญอยู่ที่การให้กู้โดยเรียกหรือคิดเอาดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่นทำหนังสือสัญญาในการกู้ยืมเงินว่า ให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายหรือในเอกสารกู้ยืมเงินจะมิได้กล่าวถึงเรื่องดอกเบี้ยนั้นเลย แต่ในทางปฏิบัติผู้ให้กู้ได้คิดหรือเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายได้กำหนดไว้ก็เป็นความผิดตามกฎหมาย คดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวไว้ชัดว่าจำเลยได้ให้กู้และบังอาจคิดเอาดอกเบี้ยเกินอัตราไป 400 บาท จึงผิดตามกฎหมายที่กล่าวแล้ว

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา 2475 มาตรา 3 ปรับ 400 บาท ลดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 200 บาท

Share