คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อฟังว่า ตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงคมนาคมและข้อบังคับไปรษณีย์อนุญาต ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายอำเภอที่มีไปรษณีย์อนุญาต ก็ต้องเป็นนายไปรษณีย์อนุญาตอำเภอนั้นด้วย ดังนี้ การเป็นนายไปรษณีย์อนุญาตจึงมิใช่เกิดจากสัญญาระหว่างกรมไปรษณีย์ฯกับนายอำเภอ ในการพิจารณาถึงความรับผิดระหว่างกรมไปรษณีย์ฯกับนายอำเภอนั้นๆ นายอำเภอจึงมิใช่ตัวแทนของกรมไปรษณีย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่าง 26 เมษายน 2499 ถึง 16 เมษายน 2502จำเลยเป็นนายอำเภอท่าฉาง ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนั้น โจทก์ได้แต่งตั้งจำเลยเป็นนายไปรษณีย์อนุญาตอำเภอท่าฉางอีกตำแหน่งหนึ่งจำเลยจึงเป็นตัวแทนของโจทก์ ระหว่างที่เป็นนายไปรษณีย์อนุญาตนั้นจำเลยได้ปล่อยปละละเลยให้บุคคลที่ทำงานในไปรษณีย์อนุญาตนี้กับข้าราชการใต้บังคับบัญชาของจำเลยเก็บเงินรายได้ของโจทก์ไว้โดยลำพังเป็นการฝ่าฝืนระเบียบฯ และด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ทุจริตมีโอกาสยักยอกเงินรายได้ของที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตอำเภอท่าฉางไปในระหว่างนั้น เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นตัวการเสียหาย จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนจะต้องรับผิด ขอให้จำเลยใช้เงินจำนวนนั้นกับดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นายไปรษณีย์โดยข้อตกลงระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงคมนาคม ไม่ได้เป็นตัวแทนของโจทก์ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ

ศาลจังหวัดไชยาเห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่เข้าลักษณะตัวแทนและฟังว่าโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ว่าจำเลยต้องรับผิดชอบใช้เงินรายนี้แล้ว คดีจึงขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นตัวของโจทก์และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงว่า ตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงคมนาคม และข้อบังคับไปรษณีย์อนุญาตข้อ 7 นั้น ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายอำเภอในอำเภอที่มีไปรษณีย์อนุญาตอำเภอใด ก็ต้องเป็นนายไปรษณีย์อนุญาตอำเภอนั้นด้วย การที่จำเลยเป็นนายไปรษณีย์อนุญาตอำเภอนั้น ทางราชการกำหนดให้จำเลยเป็น มิใช่ว่าการเป็นนั้นเป็นไปตามความสมัครใจยินยอมหรือโดยความตกลงของจำเลยการเป็นนายไปรษณีย์ของจำเลยจึงมิใช่เกิดจากสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ ฉะนั้น ในการพิจารณาถึงความรับผิดของจำเลยในคดีนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลย จำเลยจึงมิใช่ตัวแทนของโจทก์ ส่วนเรื่องอายุความนั้น ศาลฎีกาฟังว่า นับแต่เมื่อโจทก์รู้จำนวนเงินที่ขาดบัญชีและรู้ว่าจำเลยต้องรับผิดใช้แก่โจทก์จนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีแล้ว จึงพิพากษายืน

Share