แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากลูกจ้างจำเลยกระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้สามีโจทก์ถึงแก่ความตายศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์การที่โจทก์กล่าวไว้ท้ายอุทธรณ์ว่าขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองปฎิบัติตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ย่อมเข้าใจได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ขอมาท้ายฟ้องเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายหนุ่ยลูกจ้างจำเลยทั้งสองขับรถของจำเลยทั้งสองไปในทางการที่จ้างด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนกับรถโดยสารซึ่งนายประสานเป็นผู้ขับแล่นสวนมา เป็นเหตุให้สามีโจทก์ซึ่งนั่งรถโดยสารมาด้วยถึงแก่ความตาย โจทก์ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลผู้ตาย ค่าจัดการบรรจุศพ ค่าจ้างรถบรรทุกศพค่าบำเพ็ญกุศล และค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการจัดงานศพตามประเพณีและเป็นการให้โจทก์ต้องขาดไร้ค่าอุปการะเลี้ยงดูขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทน 205, 986 พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่ได้เป็นนายจ้างของนายหนุ่ยนายหนุ่ยเอารถไปใช้โดยพลการ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 205,986 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้อุทธรณ์โดยชัดแจ้งในเรื่องค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนว่ามีเท่าใดเพียงใด ถือว่ามิได้กล่าวอ้างถึงข้อเท็จจริงโดยชัดแจ้งตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 2จึงไม่อาจพิจารณาให้ได้นั้น เห็นว่าที่โจทก์กล่าวไว้ท้ายอุทธรณ์ว่า ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองปฎิบัติตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าโจทก์ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ขอมาท้ายฟ้องโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์จึงมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแก่โจทก์ได้
พิพากษายืน