แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ แม้จะช้านานเพียงไร ผู้ครอบครองก็จะเอาของผู้ที่ตนครอบครองแทนนั้นเป็นสิทธิเสียมิได้เพราะมิใช่เป็นการครอบครองในฐานเป็นเจ้าของ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินโฉนดที่ 985 จากจำเลย 1 ใน 4 ฝ่ายจำเลยไม่ยอมให้แบ่งและตัดฟ้องว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ ได้ความว่าที่ดินพิพาทเดิมเป็นของ ก. ก. ตายมีบุตรผู้รับมรดก 4 คน คือ 1.จำเลยที่ 1, 2 มารดาจำเลยที่ 2, 3มารดาจำเลยที่ 3, และ 4 ห. มารดาโจทก์ เมื่อ 18 ปีมานี้ ห. มารดาโจทก์ตาย ในปีที่ ห. ตายนั้นบิดาได้พาโจทก์ซึ่งเป็นเด็กไปประเทศจีน ที่นาส่วนของ ห.มารดาโจทก์ตกอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2475 ระหว่างโจทก์และบิดาอยู่ประเทศจีน ได้รับมรดกแบ่งที่พิพาทออกเป็น 4 ส่วนเป็นของจำเลยที่ 2-3คนละส่วน จำเลยที่ 1 ครอบครองอยู่ 2 ส่วนพ.ศ. 2490 โจทก์กลับจากประเทศจีนได้ขอส่วนแบ่ง 1 ส่วน จำเลยไม่ยอม
ศาลชั้นต้นเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองที่พิพาทเป็นของตนเองพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า จำเลยที่ 1 ได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ พิพากษากลับให้จำเลยที่ 1 แบ่งนาพิพาทที่รับไว้ 2 ส่วนให้โจทก์ครึ่งหนึ่งเนื้อที่ 13 ไร่ หรือใช้ราคาแก่โจทก์ 2,500 บาท
นางอยู่จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ได้รับที่ส่วนของโจทก์มาครอบครองไว้แทนโจทก์ 1 ส่วนเนื้อที่ 13 ไร่ การครอบครองแทนเช่นนี้แม้จะช้านานเพียงไร ผู้ครอบครองก็จะเอาส่วนของผู้ที่ตนครอบครองแทนเป็นสิทธิเสียมิได้ เพราะมิใช่เป็นการครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของจำเลยที่ 1 เพิ่งจะแสดงเจตนาครอบครองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์เมื่อคราวที่จะเกิดคดีนี้เอง ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์
พิพากษายืน