คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7057/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองวารินชำราบ เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลตำบลวารินชำราบเป็นเทศบาลเมืองวารินชำราบเทศบาลตำบลวารินชำราบ จึงพ้นจากสภาพแห่งเทศบาลเดิมประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดที่ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบ โดยกำหนดวันรับสมัครตั้งแต่วันวันเดียวกันนั้นเป็นอันสิ้นผลไปในตัว และการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบ จึงเป็นอันสิ้นผลไปด้วยไม่มีทางที่จะทำให้โจทก์ทั้งสองได้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบ ได้ ไม่ว่าจะมีกฎหมายให้อำนาจจำเลยทั้งสามที่จะวินิจฉัยสั่งการยกเลิกหรือถอนการสมัครรับเลือกตั้งของ โจทก์ทั้งสองไว้โดยตรงหรือไม่ก็ตาม ความเสียหายของโจทก์ทั้งสองที่อ้างว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งเพิ่มขึ้นโจทก์ทั้งสองอยู่ในฐานะจะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบ โดยไม่ต้องลงคะแนน ต้องขาดประโยชน์ที่จะพึงได้รับเดือนละ 3,100 บาท เป็นเวลา 5 ปี หาเป็นผลมาจากการวินิจฉัยสั่งการของจำเลยทั้งสามไม่การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2538ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 มาตรา 5 และคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบ กำหนดวันรับสมัครตั้งแต่วันที่25 กันยายน 2538 ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2538 และเลือกตั้งในวันที่12 พฤศจิกายน 2538 ในวันที่ 25 กันยายน 2538 โจทก์ทั้งสองได้ไปยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งต่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีและรักษาการนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวารินชำราบ และจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นปลัดเทศบาลตำบลวารินชำราบ ได้หมายเลขประจำตัว 2 และ 5ตามลำดับ ต่อมาเดือนตุลาคม 2538 จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้ร่วมกันวินิจฉัยและสั่งการว่าการสมัครรับเลือกตั้งของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวไม่มีผลตามกฎหมายเนื่องจากเทศบาลตำบลวารินชำราบได้ยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองวารินชำราบ ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.2538 ให้ยกเลิกหรือถอนการสมัครของโจทก์ทั้งสอง แล้วจำเลยทั้งสามร่วมกันดำเนินการให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบใหม่โดยกำหนดวันรับสมัครวันที่ 2 พฤศจิกายน 2538 ถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2538 และกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 17 ธันวาคม 2538เนื่องจากวันสุดท้ายของการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบ ตามประกาศการรับสมัครครั้งแรกนั้น มีผู้สมัครเพียงเจ็ดคน ไม่เกินจำนวนสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบที่จะมีได้ โจทก์ทั้งสองจึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับเลือกตั้งโดยไม่ต้องลงคะแนน โจทก์ทั้งสองกับผู้สมัครคนอื่นขอให้จำเลยที่ 1ประกาศผลของการเลือกตั้งในกรณีที่ไม่มีการลงคะแนนแต่จำเลยที่ 1กลับร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยกเลิกหรือถอนการสมัครของโจทก์ทั้งสองโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจจำเลยทั้งสามสั่งการยกเลิกหรือถอนการสมัครของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการจงใจทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยผิดกฎหมาย ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเป็นเงินประมาณ250,000 บาท โจทก์ทั้งสองอยู่ในฐานะจะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวานินชำราบโดยไม่ต้องลงคะแนน ต้องขาดประโยชน์ที่จะพึงได้รับเดือนละ 3,100 บาท เป็นเวลา 5 ปีขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายจำนวน250,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสองและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายเป็นรายเดือนแก่โจทก์ทั้งสองคนละ3,100 บาท ต่อเดือนนับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2538ถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2543
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองได้ความว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบ กำหนดวันรับสมัครตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2538 ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2538โจทก์ทั้งสองได้ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2538 แล้ว ต่อมาเดือนตุลาคม2538 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันวินิจฉัยสั่งการให้ยกเลิกหรือถอนการสมัครรับเลือกตั้งของโจทก์ทั้งสองดังกล่าว เนื่องจากได้มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองวารินชำราบจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.2538 เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลตำบลวารินชำราบเป็นเทศบาลเมืองวารินชำราบ มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2538 แล้วจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันดำเนินการให้มีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองวารินชำราบใหม่มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองว่าการที่จำเลยทั้งสามสั่งให้ยกเลิกหรือถอนการสมัครรับเลือกตั้งของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานีพ.ศ.2538 เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลตำบลวารินชำราบเป็นเทศบาลเมืองวารินชำราบประกาศใช้ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2538 ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2538เป็นต้นไปเทศบาลตำบลวารินชำราบจึงเป็นอันพ้นจากสภาพแห่งเทศบาลเดิมตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496มาตรา 13 วรรคสอง การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลตำบลวารินชำราบกำหนดวันรับสมัครตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2538 จึงเป็นอันสิ้นผลไปในตัวเมื่อโจทก์ทั้งสองสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบในวันที่ 25 กันยายน 2538 ตามประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี แต่สภาเทศบาลตำบลวารินชำราบพ้นสภาพไปในวันนั้นแล้ว การสมัครของโจทก์ทั้งสองเป็นอันสิ้นผลไปด้วยไม่มีทางที่จะทำให้โจทก์ทั้งสองได้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวารินชำราบไปได้ไม่ว่าจะมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจจำเลยทั้งสามที่จะวินิจฉัยสั่งการยกเลิกหรือถอนการสมัครรับเลือกตั้งของโจทก์ทั้งสองไว้โดยตรงหรือไม่ก็ตาม ความเสียหายของโจทก์ทั้งสองตามฟ้องก็หาเป็นผลมาจากการวินิจฉัยสั่งการของจำเลยทั้งสามเช่นนั้นไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share