แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเคยฟ้องขับไล่ผู้มีชื่อให้รื้อถอนบ้านออกจากที่ดินตามที่โจทก์อ้างว่าเป็นลำรางสาธารณะ และศาลได้พิพากษาขับไล่ไปแล้วก็ตามคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย
จำเลยบุกรุกลำรางระบายน้ำสาธารณะอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นการละเมิดทำให้กรุงเทพมหานครและหัวหน้าเขตโจทก์เสียหายโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยได้ทำละเมิดโดยบุกรุกปลูกสร้างอาคารไม้ชั้นเดียว ไม่มีเลขบ้าน ในลำรางสาธารณะซึ่งตื้นเขินอันเป็นลำรางสาธารณประโยชน์ขัดขวางต่อการไปมาของราษฎรอื่น ทำให้น้ำไหลถ่ายเทไม่สะดวกและเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายเท่ากับค่าเช่าเดือนละ 30 บาท โจทก์แจ้งให้จำเลยรื้อถอน จำเลยไม่ยอมปฏิบัติจึงขอให้บังคับให้จำเลยปฏิบัติและให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 30 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนอาคารออกไป
จำเลยให้การว่า บ้านตามฟ้องเป็นบ้านที่ปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลย ซึ่งได้รับมรดกจากบิดามารดาและครอบครองถือกรรมสิทธิ์มากกว่า 30 ปีแล้ว ที่พิพาทไม่ใช่ลำรางสาธารณะประโยชน์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยและเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารไม้ออกไปจากลำรางสาธารณะให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 30 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยปลูกอาคารอยู่ในที่ลำรางสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจริง และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยเคยฟ้องขับไล่นางมาก ระยับศรี ให้รื้อถอนบ้านออกจากที่ดินตามที่โจทก์อ้างว่าเป็นลำรางสาธารณะ และศาลได้พิพากษาขับไล่ไปแล้วตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 5379/2514 ของศาลชั้นต้นนั้นว่า คำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายนั้นว่า จำเลยบุกรุกที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นการละเมิดทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ และค่าเสียหายที่ศาลล่างกำหนดมีจำนวนพอสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว
พิพากษายืน