คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องขัดทรัพย์ย่อมมีฐานะเป็นโจทก์ในคดีชั้นขัดทรัพย์ส่วนโจทก์เดิมอยู่ในฐานะผู้คัดค้าน
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่านาที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลยโจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องได้สละสิทธิยกให้จำเลยแล้วเช่นนี้เท่ากับว่าโจทก์ปฏิเสธว่านาไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าข้อเท็จจริงยังโต้เถียงกันอยู่ว่าใครเป็นผู้ครอบครองหน้าที่นำสืบจึงตกแก่ผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องไม่สืบพยานก็ต้องแพ้คดี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานยึดนาไม่มีหนังสือำคัญแปลงหนึ่งโดยอ้างว่าเป็นของจำเลย นางมูลร้องขัดทรัพย์ว่าเป็นของผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด

โจทก์แก้ว่า ผู้ร้องขัดทรัพย์ได้สละสิทธิมอบนาพิพาทให้จำเลยครอบครองมา 3 ปีแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย

ผู้ร้องขัดทรัพย์ว่าได้ให้นายเพ้งเช่าทำนานานแล้ว ไม่ได้ยกให้จำเลย

ทั้งสองฝ่ายต่างไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นเห็นว่าหน้าที่นำสืบตกผู้ร้องเมื่อไม่สืบก็ต้องแพ้คดี จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

มีความเห็นแย้งของผู้พิพากษานายหนึ่งว่าโจทก์รับว่านาพิพาทเป็นของผู้ร้องจริง แต่อ้างขึ้นใหม่ว่าผู้ร้องยกให้จำเลย โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบก่อน

ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องขัดทรัพย์ย่อมอยู่ในฐานะเป็นโจทก์ส่วนโจทก์เดิมอยู่ในฐานะผู้คัดค้าน การที่โจทก์ให้การว่าผู้ร้องได้สละสิทธิมอบที่นาพิพาทให้จำเลยครอบครอง 3 ปีเศษนั้น เป็นคำคัดค้านว่าขณะนี้ที่นาพิพาทไม่ใช่ของผู้ร้อง เป็นของจำเลยแล้วเมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าที่พิพาทเป็นของตน และข้อเท็จจริงยังเถียงกันอยู่ว่าจำเลยหรือฝ่ายผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองที่นาพิพาทผู้ร้องจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้สมข้อกล่าวอ้าง มิฉะนั้นก็ต้องแพ้คดี ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน

Share