แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ซึ่งค่าธรรมเนียมโจทก์ในคดีเป็นเงิน 32,227.50 บาท เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียม จำนวนดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์เพียง 10,000 บาท ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่ขาดอีก 22,247.50 บาทมาวางภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ยื่นอุทธรณ์ จำเลยไม่ปฏิบัติ ตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลย ซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ได้ตามมาตรา 234โดยจำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ ต่อศาลตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วย แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางเงินค่าธรรมเนียม ที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมิใช่เนื้อหาของอุทธรณ์ก็ตาม
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน180,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท จำเลยอุทธรณ์โดยวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนบางส่วนเป็นเงิน 10,000 บาทศาลชั้นต้นให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางให้ครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด จำเลยไม่ปฏิบัติ ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนดไม่รับอุทธรณ์ คืนเงินค่าขึ้นศาลทั้งหมดและเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ลง วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2536 ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ให้จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อนภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ขอให้รับอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่าจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาจำเลยว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น โดยจำเลยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้ครบถ้วนและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนั้น เป็นอุทธรณ์คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท ซึ่งปรากฏตามบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมหน้าสำนวนเป็นค่าธรรมเนียมโจทก์ในคดีเป็นเงิน 32,227.50 บาท เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมจำนวนดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์เพียง10,000 บาท ตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2535ศาลชั้นต้นสั่งในอุทธรณ์จำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่ขาดอีก22,247.50 บาท มาวางภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ยื่นอุทธรณ์จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์จำเลยซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 โดยจำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วย แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมิใช่เนื้อหาของอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นการยื่นอุทธรณ์ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว และเมื่อมีการอุทธรณ์ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าไป อาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 สำหรับในกรณีนี้ด้วย คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ชอบแล้ว”
พิพากษายืน