แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นโจทก์ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 10 (7) เป็นการดำเนินคดีที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคเป็นส่วนรวมตามมาตรา 39 จึงเป็นคดีที่มีลักษณะพิเศษต่างจากคดีแพ่งทั่วไป หลักเกณฑ์ในการพิจารณาทุนทรัพย์ที่ฟ้องคดีว่าจะอยู่ในอำนาจของศาลใด ต้องคำนวณทุนทรัพย์ในลักษณะรวมกลุ่มคดีโดยรวมทุนทรัพย์ของผู้บริโภคทุกราย แม้แต่ละรายไม่เกิน 300,000 บาท แต่ในคดีนี้ เมื่อรวมทุนทรัพย์ในคดีแล้วจำนวน 610,709 บาท จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ที่จะต้องรับฟ้องไว้พิจารณา ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งว่า มูลหนี้ของผู้บริโภคแต่ละรายสามารถแบ่งแยกได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 59 และไม่รับฟ้องไว้พิจารณา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 2 อย่างคดีแพ่งทั่วไปเป็นการไม่ชอบ จึงต้องรับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2553)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินคืนให้แก่นายสกล จำนวน 144,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินถึงวันฟ้องเป็นเงิน 108,177.53 บาท รวมเป็นเงิน 252,177.53 บาท และชำระเงินคืนให้แก่นางสาวสุพรรณ จำนวน 97,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินถึงวันฟ้องเป็นเงิน 81,566.11 บาท รวมเป็นเงิน 179,266.11 บาท และชำระเงินคืนให้แก่นางสาวนิตยา จำนวน 97,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินถึงวันฟ้องเป็นเงิน 81,566.11 บาท รวมเป็นเงิน 179,266.11 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงินที่รับไว้ให้แก่ผู้บริโภคทั้งสามราย นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยานศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องแล้ว เห็นว่า มูลหนี้ของผู้บริโภคแต่ละรายสามารถแบ่งแยกกันได้ ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี จึงต้องพิจารณาทุนทรัพย์ของผู้บริโภคแต่ละรายเป็นเกณฑ์ ปรากฎว่าทุนทรัพย์ของผู้บริโภคแต่ละรายที่ฟ้องมาไม่เกินสามแสนบาท คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาและพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งใหม่ว่า ไม่รับฟ้องคืนฟ้องแก่โจทก์เพื่อให้นำไปฟ้องใหม่ยังศาลที่มีเขตอำนาจ ส่วนค่าขึ้นศาลโจทก์ได้รับการยกเว้นจึงไม่ต้องสั่ง ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมอื่น ๆ ให้เป็นพับ จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ที่จะพิจารณาพิพากษาหรือไม่ โจทก์ฎีกา คดีนี้มีโจทก์เพียงรายเดียวไม่ได้ร่วมกับใครฟ้องคดี โดยผู้บริโภคทั้งสามรายเป็นเพียงผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นโจทก์ การดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายพิเศษแตกต่างจากคดีแพ่งทั่วไป ดังนั้น จึงจะนำหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 มาใช้กับโจทก์คดีนี้ไม่ได้ การคิดทุนทรัพย์ว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลใดจึงต้องคิดรวมทั้งคดีนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคโดยรวมซึ่งมีฐานะทางเศรษฐกิจด้อยกว่าผู้ประกอบธุรกิจ รัฐจึงจัดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิผู้บริโภคดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 (7) และการที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเห็นสมควรจะเข้าดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค หรือเมื่อได้รับคำร้องขอจากผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิก็ต่อเมื่อเห็นว่าการดำเนินคดีจะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคเป็นส่วนรวมและการดำเนินคดีในศาลได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง ดังที่บัญญัติไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 39 การดำเนินคดีเกี่ยวกับคดีคุ้มครองผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม โดยมีคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นโจทก์ดำเนินคดีแทนผู้บริโภคเป็นส่วนรวม คดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 จึงเป็นคดีที่มีลักษณะพิเศษต่างจากคดีแพ่งทั่วไป เมื่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟ้องคดีในลักษณะรวมกลุ่มคดี หลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่าทุนทรัพย์ที่ฟ้องคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลใดจึงต้องคิดคำนวณทุนทรัพย์ในลักษณะทุนทรัพย์รวมกลุ่มคดี มิใช่คิดแบ่งแยกทุนทรัพย์ของผู้บริโภคแต่ละรายดังคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง คดีนี้แม้ทุนทรัพย์ที่ผู้บริโภคเรียกร้องมาแต่ละรายจะมีจำนวนรายละไม่เกิน 300,000 บาท แต่ก็มีทุนทรัพย์รวมกลุ่มคดีจำนวน 610,709 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคดีโจทก์ไว้พิจารณาและดำเนินการต่อไปค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ