แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเช่าเล้าเป็ดของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบิดาผู้เสียหาย จำเลยเคยเข้าไปกระทำชำเราผู้เสียหายในบ้านโจทก์ร่วมก่อนเกิดเหตุหลายครั้งในขณะที่ผู้เสียหายอยู่บ้านตามลำพัง วันเกิดเหตุจำเลยเข้าไปกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายยินยอม ดังนี้ไม่อาจถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์ร่วม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราและบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364, 365 และ 276
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บิดามารดาของผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) ประกอบด้วยมาตรา 364 ให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,500บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56
โจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสอง และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาบุกรุกอีกข้อหาหนึ่งด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอมและวันเกิดเหตุผู้เสียหายอยู่บ้านคนเดียวปัญหาในชั้นฎีกาคงมีว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานบุกรุกดังฟ้องหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายเองว่า จำเลยมีศักดิ์เป็นอาผู้เสียหายรู้จักกันมาตั้งแต่ผู้เสียหายยังเยาว์จำเลยเช่าเล้าเป็ดของบิดา ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือนเศษ จำเลยมานอนอยู่ที่เล้าเป็ดซึ่งหลังคาอยู่ติดต่อกับเรือนหลังที่ผู้เสียหายหลับนอน จำเลยเคยเข้ามากระทำชำเราผู้เสียหายก่อนเกิดเหตุหลายครั้งแล้ว ในขณะที่ผู้เสียหายอยู่บ้านตามลำพังคนเดียวดังนี้จึงแสดงให้เห็นโดยแจ้งชัดว่า ข้อเท็จจริงจากพฤติกรรมดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดฐานบุกรุกดังที่โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ร่วมทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน