แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อัยการดำเนินกิจการบริษัทจำกัดนั้น บริษัทหาจำต้องแสดงเจตนาโดยผู้เทนของบริษัทจำกัดเสมอไปไม่ บริษัทอาจถือเอาประโยชน์และต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนของบริษัทก็ได้
ถ้าข้อเท็จจริงเป็นที่เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดบุคคลหนึ่งหรือกว่านั้นให้เป็นตัวแทนของบริษัทจำเลยในการซื้อขายกับบริษัทโจทก์ย่อมถือได้แล้วว่าบริษัทจำเลยต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนที่ตนเชิดนั้น
ตามที่ประทับบนเอกสารปรากฏชัดเจนว่าเป็นตราชื่อบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยจะโต้แย้งว่ไม่ใช่หรือมีการปลอมแปลงอย่างไรก็น่าที่จำเลยจะสืบแสดงให้ชัดเจนได้โดยง่าย คำของพยานจำเลยที่เพียงเบิกความว่าจำไม่ได้หาทำให้ตราชื่อของบริษัทจำเลยเป็นตราปลอมไปไม่ได้.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บริษัทจำเลยชำระหนี้ค่าไม้ที่ยังคงค้าง รวมชำระเป็นเงิน ๖๒,๘๕๒.๑๗ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญาซื้อไม้กับโจทก์ไม่เคยได้รับไม้จากโจทก์ ใบรับท้ายฟ้องก็ไม่ใช่ของจำเลย ๆ เป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและจดทะเบียนไว้ในข้อ ๙ ว่าจำนวนหรือซื้อกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นสำคัญแทนบริษัทคือนางกิมเอง แซ่ว่อง ประธานกรรมการมีอำนาจลงลายมือชื่อแต่เพียงคนเดียว และประทับตราแทนบริษัทได้ ตามฟ้องของโจทก์มิได้มีประธานกรรมการหรือ กรรมการของบริษัทจำเลยได้ทำการตามที่ฟ้องแต่ประการใดเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบ ถ้าบริษัทจำเลยได้ทำตามที่โจทก์กล่าวจริงก็ต้องเป็นเพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิด โดยฝ่ายโจทก์ไม่ส่งไม้ให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้
ศาลแพ่งพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๖๒,๘๕๒.๑๗ บาทกับค่าเสียหายในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้วเห็นว่าอันการดำเนินคดีกิจการของบริษัทจำกัดนั้น บริษัทหาจำต้องแสดงเจตนาโดยผู้แทนของบริษัทจำกัดเสมอไปไม่ บริษัทอาจถือเอาประโยชน์และต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนของบริษัทก็ได้ ข้อเท็จจริงดังปรากฏตามคำพยานหลักฐานแห่งคดีตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์บรรยายมาโดยละเอียดนั้น เป็นที่เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดนายเค่งหยี่และนายอารีให้เป็นตัวแทนบริษัทของจำเลย ในการซื้อขายไม้กับบริษัทโจทก์แม้ในระหว่างคดีนี้นายเค่งหยี่ก็ได้เข้าเป็นกรรมการของบริษัทจำเลย ข้อที่จำเลยฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์รับฟังว่าตราที่ประทับในเอกสารเป็นตราอันแท้จริงของบริษัทจำเลยไม่ถูกต้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อตราที่ประทับปรากฏชัดเจนว่าเป็นตราชื่อบริษัทจำเลย ๆ จะโต้แยังว่าไม่ใช้หรือมีการปลอมแปลงอย่างไรที่น่าที่จำเลยจะสืบแสดงให้เห็นชัดแจ้งได้โดยง่ายคำของพยานจำเลยที่เพียงเบิกความว่าจำเไม่ได้หาทำให้ตราชื่อของบริษัทจำเลยเป็นตราปลอมไปได้ไม่ ข้อที่จำเลยว่าการที่บริษัทจำเลยออกเช็คให้บริษัทโจทก์ก็ได้บริษัทพนาโรจน์ขอให้จำเลยลงชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินนั้น ก็เป็นการกล่าวเอาเองลอย ๆ ไม่เห็นมีเหตุผลอย่างใดที่บุคคลผู้ค้าขายธรรมดาจะพึงกระทำเช่นนั้นตามหลักฐานที่ปรากฏศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการพอเพียงที่แสดงได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดนายเค่งหยี่และนายวารีเป็นตัวแทนจำเลย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นให้ยกเสียโดยฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์.