คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ได้ที่พิพาทมาโดยจำเลยตีราคาชำระหนี้ให้โจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยเอาที่พิพาทตีราคาใช้หนี้โจทก์โจทก์เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยจำเลยดังนี้ เมื่อที่พิพาทเป็นที่ดินที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน และโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าโจทก์เข้ายึดถือที่พิพาทเพื่อตนโจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองจำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าว เมื่อจำเลยไม่สืบต้องถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายได้สิทธิครอบครองในที่พิพาทจำเลยต้องแพ้คดีโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทซึ่งเดิมเป็นของจำเลยจำเลยตีราคาเอาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์ครอบครองมาเกินกว่า1 ปีแล้ว ที่พิพาทไม่มีโฉนดจำเลยจะฟ้องเรียกคืนการครอบครองไม่ได้จำเลยได้บุกรุกที่พิพาททำให้โจทก์เสียหายขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ไม่ได้ร่วมเป็นเจ้าของที่พิพาทตามฟ้อง โจทก์เข้าไปอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยจำเลยขอให้ยกฟ้อง และบังคับให้โจทก์กับบริวารออกจากที่และห้ามเกี่ยวข้องต่อไป

โจทก์แก้ฟ้องแย้งว่า ไม่ได้อาศัยจำเลยและต่อสู้ดังฟ้อง กับว่าฟ้องแย้งจำเลยขาดอายุความ

โจทก์จำเลยต่างโต้แย้งกันเรื่องหน้าที่นำสืบ และต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยานทั้งสองฝ่าย

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยเรียกได้ว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์ทุกข้อ โจทก์จึงต้องนำสืบพิพากษายกฟ้องให้ขับไล่โจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยยอมรับแล้วว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาท ย่อมถือได้ว่าโจทก์ยึดถือเพื่อตน และได้สิทธิครอบครอง จำเลยต้องสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายนี้ เมื่อไม่สืบก็ต้องแพ้ พิพากษาแก้ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อพิจารณาฟ้องโจทก์ คำให้การ และฟ้องแย้งของจำเลยกับคำให้การแก้ฟ้องแย้งโจทก์แล้ว ได้ความว่าที่พิพาทเป็นที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญ และโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 ว่าโจทก์เข้ายึดถือที่พิพาทเพื่อตน และโจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครอง มาตรา 1367จำเลยจึงต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวเมื่อไม่สืบก็ต้องแพ้คดี

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share