แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์เป็นที่พอใจว่าคำฟ้องมีมูลและมีเหตุผลเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่ขอนั้นมาใช้ได้ชั่วคราวก่อนพิพากษา เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (2), 255 แล้วมีคำสั่งห้ามจำเลยปิดกั้น ทำลาย หรือห้ามมิให้โจทก์ใช้ทางพิพาทและให้ทำทางพิพาทให้มีสภาพเดิมกว้างยาวตามคำขอท้ายฟ้อง เมื่อจำเลยจะอุทธรณ์ขอให้กลับคำสั่งดังกล่าวจะต้องโต้เถียงว่าวิธีการที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ตามมาตรา 254 (2) นั้น ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวมาใช้ หรือมีเหตุอันสมควรประการอื่นที่ศาลจะมีคำสั่งต่อไปตามมาตรา 261 วรรคสาม ส่วนปัญหาว่าทางพิพาทกว้างยาวเพียงใดในชั้นพิจารณา ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลจะต้องชี้ขาดในชั้นขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาแต่อย่างใด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้พิพากษาว่า ทางพิพาทซึ่งเป็นทางเดินและทางเดินรถยนต์ในที่ดินของจำเลยทั้งสองเป็นทางภารจำยอมหรือทางจำเป็นและทางน้ำในที่ดินของจำเลยทั้งสองเป็นทางจำเป็น ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนภารจำยอมหรือทางจำเป็น และยินยอมให้โจทก์ทั้งสองวางท่อน้ำโดยรับเงินค่าทดแทน ๑๐,๐๐๐ บาท ห้ามจำเลยทั้งสองปิดกั้นหรือทำลายทางพิพาท หากไม่ไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ก่อนจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การ โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวว่า จำเลยทั้งสองปิดกั้นและทำลายทางพิพาท ขอให้มีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองปิดกั้นและทำลายทางพิพาท กับทำทางพิพาทให้มีสภาพเดิม ให้โจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทหรือวางท่อน้ำเป็นการชั่วคราวก่อนพิพากษา ห้ามจำเลยทั้งสองขัดขวางการใช้ทางพิพาท
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ห้ามจำเลยทั้งสองปิดกั้น ทำลาย หรือมิให้ห้ามโจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาท และให้จำเลยทั้งสองทำทางพิพาทให้มีสภาพเดิม กว้างประมาณ ๕ วา ยาวประมาณ ๑๖๐ วา ตามแผนที่เอกสารหมาย จ. ๖ ส่วนคำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า กรณีมีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นชั้นวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้พิพากษาว่า ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสองเป็นทางภารจำยอมหรือทางจำเป็น ขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองปิดกั้นหรือทำลายทางพิพาทเพื่อให้โจทก์ทั้งสองได้ใช้ทางพิพาทเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ทั้งสองด้วย การที่โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยขอให้มีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองปิดกั้นและทำลายทางพิพาทและให้โจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทเป็นการชั่วคราวก่อนพิพากษาอันเป็นส่วนหนึ่งเพื่อบังคับตามคำพิพากษาตามคำขอท้ายฟ้อง จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายที่โจทก์ทั้งสองอาจได้รับต่อไปเนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้งสองจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๔ (๒) เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องแล้วเป็นที่พอใจว่าคำฟ้องมีมูลและมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่ขอนั้นมาใช้ได้ชั่วคราวก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๕ นั้นแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนของโจทก์ทั้งสอง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินของโจทก์ทั้งสองไม่มีทางอื่นใดออกสู่ทางสาธารณประโยชน์นอกจากทางพิพาท และมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองปิดกั้น ทำลาย หรือห้ามมิให้โจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาท และให้จำเลยทั้งสองทำทางพิพาทให้มีสภาพเดิม กว้างประมาณ ๕ วา ยาวประมาณ ๑๖๐ วา ตามแผนที่เอกสารหมาย จ. ๖ ดังนี้ เห็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสองจะอุทธรณ์ขอให้กลับคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นให้ยกคำร้องของโจทก์นั้น จำเลยทั้งสองจะต้องโต้เถียงว่าวิธีการที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๔ (๒) นั้น ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวมาใช้หรือมีเหตุอันสมควรประการอื่นที่ศาลจะมีคำสั่งต่อไป ตามมาตรา ๒๖๑ วรรคสาม เมื่อจำเลยทั้งสองใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว และอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองยกเหตุโต้เถียงเพียงว่าทางพิพาทไม่เคยมีมาก่อนก็ดี หรือทางพิพาทกว้างประมาณ ๓ วา และยาวประมาณ ๑๕ วา เท่านั้น ซึ่งปัญหาว่าทางพิพาทกว้างยาวเพียงใด และมีทางพิพาทหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันต่อไปในชั้นพิจารณา ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลจะต้องชี้ขาดในชั้นขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาแต่อย่างใด ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่า กรณีจึงไม่อาจเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นได้ และพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแต่อย่างใด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ.