คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้จัดการมรดกในฐานะตัวแทนของทายาทรวมทั้งโจทก์ในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากที่พิพาท คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ในคดีนี้มาฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากที่พิพาทเดียวกันอีก ฟ้องทั้งสองจึงเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน เพราะสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับเป็นอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 152/2520 ของศาลจังหวัดนนทบุรี ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) ให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เดิมนายอรุณสมทรัพย์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายฉ่ำ คงอ่อน ได้ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 329 ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีและเรียกค่าเสียหายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะออกจากที่ดินพิพาท ดังปรากฏตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 58/2519 หมายเลขแดงที่ 152/2520 คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ยื่นฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 329 ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี และเรียกค่าเสียหายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะออกจากที่ดินพิพาทเป็นคดีนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้จัดการมรดกฟ้องคดีก่อนในฐานะตัวแทนของทายาททุกคน รวมทั้งตัวโจทก์ด้วย ฉะนั้น ฟ้องทั้งสองนี้จึงเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน เพราะสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับเป็นอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173”

พิพากษายืน

Share