คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของเทศบาลมีหน้าที่เก็บเงินของเทศบาล จำเลยลักใบเสร็จเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าซึ่งอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อีกผู้หนึ่ง แล้วจำเลยนำใบเสร็จไปเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้า แล้วนำเงินนั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องตามบทบัญญัติมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๑๕๗
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีผิดตามมาตรา ๓๓๕ (๑๑) กระทงหนึ่งวางโทษจำคุก ๓ ปีมีความผิดตามมาตรา ๑๕๗ อีกกระทงหนึ่งวางโทษจำคุก ๓ ปี ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๓ ปี และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๕ บาท ๘๐ สตางค์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา ๓๓๕ (๑๑) คงจำคุกไว้ ๑ ปี ๖ เดือน นอกจากนี้ยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ระบุว่า จำเลยเป็นพนักงานวิสามัญเทศบาลเมืองพิษณุโลก เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าของเทศบาล จำเลยให้การรับสารภาพตามคำฟ้องของโจทก์ ฉะนั้น จึงต้องฟังตามฟ้องและคำรับของจำเลยว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บเงินของเทศบาล เมืองพิษณุโลก จำเลยลักใบเสร็จเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าซึ่งอยู่ในความดูแลของนายเย็น แล้วจำเลยนำใบเสร็จไปเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้า แล้วนำเงินนั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องตามบทบัญญัติมาตรา ๑๕๗ ประมวลกฎหมายอาญา
พิพากษาแก้ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share