แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยทางป้องกันพอสมควรแก่เหตุเช่นนี้โจทก์จะฎีกาว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุก็เป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริงต้องห้าม (อ้างฎีกาที่ 931/2494)
เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายผู้เสียหาย และศาลอุทธรณ์อาศัยหลักฐานในสำนวนวินิจฉัยต่อไปแต่ไม่ฟังว่าบาดแผลที่หน้าแข้งของผู้เสียหายเกิดจากการกระทำของจำเลยดังนี้หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือตรงกันข้ามกับหลักฐานไม่แต่เป็นข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ขวดมีดตีฟันนายวัชระนายตรวจสรรพสามิตบาดเจ็บสาหัส
จำเลยต่อสู้ว่าดึกแล้วชายคนหนึ่งเมามีมีดเข้าไปในที่อยู่อาศัยจำเลยพบกอฮอล์จุดไฟก็หาว่าเป็นสุราเถื่อนและเอาธนบัตรของจำเลยใส่กระเป๋าจำเลยแย่งจึงต่อสู้กัน เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ชายนั้นไม่ได้แสดงว่าเป็นเจ้าพนักงาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการป้องกันตัวและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาอ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่าจำเลยได้ทำร้ายนายวัชระโดยทางป้องกันพอสมควรแก่เหตุฝ่ายโจทก์คัดค้านว่ากระทำเกินสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริง หาใช่เป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 931/2494
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลชั้นต้นเชื่อข้อเท็จจริงเพียงว่าจำเลยใช้ขวดทำร้ายนายวัชระ ก็ชี้ขาดเท่านั้น อนึ่งเมื่อโจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าควรเชื่อว่าตอนในวัดจำเลยได้ทำร้ายนายวัชระด้วย ศาลอุทธรณ์ก็ได้อาศัยหลักฐานตามท้องสำนวนวินิจฉัยให้ และไม่ฟังว่าบาดแผลที่น่าแข้งนายวัชระ เกิดจากการกระทำของจำเลย คดีจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงโดยแท้จึงพิพากษาให้ยกฎีกาของโจทก์