คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2538

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บ. ครอบครองที่พิพาทแทน ส. การที่โจทก์ซื้อที่พิพาทจาก บ. ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองเพราะโจทก์ผู้รับโอนย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ บ. มีอยู่ในฐานะผู้ยึดถือที่พิพาทแทน ส.เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ ที่ดิน มือเปล่า 1 แปลง เนื้อที่15 ไร่ ซื้อ มาจาก นาย สมบูรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2520 ใน ราคา 15,000 บาท เมื่อ ประมาณ ต้น เดือน ธันวาคม 2532 จำเลย ได้ บุกรุก เข้า ไป ใน ที่ดิน ของโจทก์ ทาง ด้าน ทิศเหนือ 27 วา ทาง ด้าน ทิศใต้ 50 วา รวม เนื้อที่9 ไร่ 2 งาน เศษ ใช้ รถแทรกเตอร์ ไถ ดัน ต้นมะพร้าว 23 ต้น ต้น ขนุน5 ต้น ต้น มะนาว 4 ต้น แล้ว เผา ทำลาย ทิ้ง ทั้งหมด ทำให้ โจทก์ ได้รับความเสียหาย ขอให้ พิพากษา ว่า ที่ดิน ดังกล่าว เป็น ของ โจทก์ ห้าม จำเลยเข้า ยุ่ง เกี่ยว ใน ที่ดิน ใน รูป สีแดง ก ข ค ง ตาม แผนที่ สังเขป ท้ายฟ้อง และ ให้ จำเลย ชดใช้ ค่าเสียหาย จำนวน 75,200 บาท แก่ โจทก์พร้อม กับ ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี ของ ต้นเงิน ดังกล่าว นับแต่วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ให้การ ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ส่วน หนึ่ง ของ ที่ดิน ที่ มี หนังสือรับรอง การ ทำประโยชน์ ซึ่ง มี ชื่อ นางสาว เบ็ญจรัตน์ เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดิน ที่ โจทก์ ซื้อ จาก นาย สมบูรณ์ อยู่ ติดกับ ที่ดินพิพาท ทาง ด้าน ทิศตะวันตก เป็น ที่ดิน ที่นาย วินัย ยกให้ สร้าง โรงเรียน สอน ศาสนา อิสลาม เนื้อที่ 15 ไร่ จำเลย เข้า ไป ใช้ รถไถ ปรับ หน้า ดินใน ที่ดินพิพาท โดย ได้รับ อนุญาต จาก นางสาว เบ็ญจรัตน์ โจทก์ ไม่ได้ รับ ความเสียหาย เนื่องจาก ต้น ไม้ ที่ จำเลย ไถ ดัน ปลูก อยู่ บน ที่ดินพิพาทหาก เสียหาย ก็ ไม่เกิน 5,500 บาท ขอให้ ยกฟ้อง
ผู้ร้องสอด ยื่น คำร้อง สอด ว่า ที่ดินพิพาท เดิม เป็น ของนาย สมศักดิ์ ต่อมา เมื่อ นาย สมศักดิ์ เสียชีวิต แล้ว ที่ดิน ดังกล่าว ตกเป็น ของ นาง อ่อกิ่น และ นาง อ่อกิ่น ได้ ยก ที่ดินพิพาท ให้ ผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอด จึง เป็น เจ้าของ และ ได้ ครอบครอง ทำประโยชน์ใน ที่ดินพิพาท ตลอดมา ขอให้ ยกฟ้อง และ พิพากษา ว่า ที่ดินพิพาท เป็นของ ผู้ร้องสอด
โจทก์ ให้การ แก้ คำร้อง สอด ว่า นาย สมศักดิ์ และนายวินัย ร่วมกัน ยก ที่ดินพิพาท ให้ นาย สมบูรณ์ สร้าง โรงเรียน สอน ศาสนา อิสลาม ผู้ร้องสอด รับโอน และ เข้า ครอบครอง ที่ดิน นอก ที่ดินพิพาท โจทก์ ได้ครอบครอง ทำประโยชน์ ใน ที่ดินพิพาท ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 เป็นต้น มาเป็น เวลา เกินกว่า 1 ปี ผู้ร้องสอด จึง ไม่มี สิทธิ ฟ้อง เรียกคืน ขอให้ ยกคำร้อง สอด
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า ที่ดิน ทะเบียน เล่ม 8 หน้า 86สารบบ เลขที่ 514 ตำบล แประ กิ่งอำเภอท่าแพ จังหวัด สตูล เป็น ที่ดิน ของ ผู้ร้องสอด ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ข้อเท็จจริง ที่ คู่ความ นำสืบ และ ไม่ โต้เถียงใน ชั้นฎีกา ฟังได้ ใน เบื้องต้น ว่า เดิม ที่ดินพิพาท เนื้อที่ ประมาณ 15ไร่ เป็น ของ นาย สมศักดิ์ ไชยกุล บิดา ของ จำเลย และ ผู้ร้องสอด ใน พ.ศ. 2510 นาย สมบูรณ์ หัสการบัญชา ได้ ใช้ ที่ดินพิพาท ตั้ง โรงเรียน สอน ศาสนา อิสลาม อยู่ ระยะ หนึ่ง ไม่เกิน 10 ปี แล้ว ได้ เลิกกิจการ โรงเรียน ไป และ ได้ ขาย ที่ดินพิพาท ให้ โจทก์ ตาม หนังสือ สัญญาซื้อ ขาย ลงวันที่ 20 มกราคม 2520 เอกสาร หมาย ป.จ. 1 ที่ดินพิพาทเป็น ที่ดิน ส่วน หนึ่ง ของ ที่ดิน ทั้ง แปลง เนื้อที่ รวม ประมาณ 50 ไร่นาย สมศักดิ์ ได้ ขอให้ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ออก หนังสือ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ (น.ส. 3) เมื่อ วันที่ 23 เมษายน 2513 ตาม เอกสาร หมาย ล. 1ใน พ.ศ. 2523 นาย สมศักดิ์ ถึงแก่ความตาย นาง อ่อกิ่น มารดา ของ จำเลย และ ผู้ร้องสอด ได้รับ มรดก เป็น เจ้าของ วันที่ 17 มิถุนายน2524 นาง อ่อกิ่น ได้ จดทะเบียน โอน ที่ดิน ทั้ง แปลง ให้ ผู้ร้องสอด ตาม ภาพถ่าย หนังสือ สัญญา ให้ ที่ดิน และ ประกาศ เรื่อง มี ผู้ขอ ให้ ที่ดินท้าย เอกสาร หมาย ล. 1 และ ภาพถ่าย เรื่อง การ ขอ จดทะเบียน สิทธิและ นิติกรรม และ การ สอบสวน สิทธิ ใน ที่ดิน ประเภท ให้ เอกสาร หมาย ล. 2ปัญหา วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ มี เพียง ว่า โจทก์ หรือ ผู้ร้องสอด เป็นเจ้าของ ที่ดินพิพาท โจทก์ นำสืบ แต่เพียง ว่า โจทก์ ได้ ซื้อ ที่ดินพิพาทจาก นาย สมบูรณ์ เมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2520 ตาม หนังสือ สัญญาซื้อขาย เอกสาร หมาย ป.จ. 1 โจทก์ เบิกความ ว่า หลังจาก ซื้อ ที่ดินพิพาท แล้วได้ เอา รถไถ ดายหญ้า เก็บ ผลไม้ เอาไป ขาย และ ใช้ บริโภค ใน ครัวเรือนโดย มอบหมาย ให้ นาย แก่น งะสมัน เป็น ผู้ดูแล ที่ดินพิพาท แต่ นาย แก่น พยานโจทก์ เบิกความ ว่า พยาน ไป ดูแล ที่ดิน แปลง ใหญ่ ของ โจทก์ เนื้อที่ประมาณ 1,200 ไร่ ซึ่ง อยู่ ห่าง จาก ที่ดินพิพาท 2 กิโลเมตร เพราะมี หน้าที่ คุม คนงาน กรีด ยาง ส่วน โจทก์ นาน ๆ จะ มา ดู ที่ดินพิพาทสักครั้ง หนึ่ง แต่ นาย สวัสดิ์ หัสการบัญชา พยานโจทก์ อีก ปาก หนึ่ง กลับ เบิกความ ว่า หลังจาก โจทก์ ซื้อ ที่ดินพิพาท แล้ว โจทก์ ไม่เคย ปลูก ต้น ไม้อะไร ลง ไป เลย แสดง ว่า โจทก์ ไม่ได้ เข้า ครอบครอง และ ทำประโยชน์ใน ที่ดินพิพาท เลย และ ที่นาย สวัสดิ์ เบิกความ ว่า นาย สมศักดิ์ กับ นาย วินัย ศึกษาธิการอำเภอ เมือง สตูล ร่วมกัน ยก ที่ดิน ให้ นาย สมบูรณ์ สร้าง โรงเรียน สอน ศาสนา อิสลาม ก็ เป็น การ กล่าวอ้าง ลอย ๆ ไม่ น่า รับฟัง เพราะ ถ้าหาก นาย สมศักดิ์ มี เจตนา ยก ที่ดินพิพาท ให้ นาย สมบูรณ์ สำหรับ เป็น ที่ ตั้ง โรงเรียน สอน ศาสนา อิสลาม จริง เมื่อ คราว ที่นาย สมศักดิ์ ขอให้ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ออก หนังสือ รับรอง การ ทำประโยชน์ (น.ส. 3) ตาม เอกสาร หมาย ล. 1 นาย สมศักดิ์ น่า จะ แบ่ง หัก ที่ดิน ส่วน หนึ่ง ซึ่ง เป็น ที่ดินพิพาท ให้ นาย สมบูรณ์ แต่ นาย สมศักดิ์ ได้ ขอ ออก หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) สำหรับ ที่ดิน ใน นาม ของ ตน ทั้ง แปลง เนื้อที่ ประมาณ 50 ไร่ ตาม เอกสาร หมาย ล. 1ส่วน ผู้ร้องสอด และ จำเลย นำสืบ ให้ เห็นว่า นาย สมศักดิ์ เพียง อนุญาต ให้ นาย สมบูรณ์ ใช้ ที่ดินพิพาท เป็น สถานที่ ตั้ง โรงเรียน สอน ศาสนา อิสลาม เท่านั้น สภาพ ของ โรงเรียน หลังคา มุง ด้วย จาก กว้าง ประมาณ6 เมตร ยาว ประมาณ 18 เมตร ไม่มี ฝา กั้น ส่วน ที่พัก นักเรียนเป็น กระต๊อบ หลังคา มุง ด้วย จาก ฝา เป็น ไม้ไผ่ ขัดแตะ กว้าง 2 เมตรยาว 2 เมตร สภาพ ของ โรงเรียน และ ที่พัก โรงเรียน มิใช่ เป็นสิ่ง ก่อสร้าง ที่ แข็งแรง และ ถาวร ซึ่ง พร้อม ที่ จะ รื้อ ย้าย ออก ไป จากที่ดินพิพาท เมื่อไร ก็ ได้ นอกจาก นี้ ก่อน ที่ ผู้ร้องสอด จะ รับ ยกให้ที่ดิน ทั้ง แปลง ตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เอกสาร หมายล. 1 นาง อ่อกิ่น มารดา ของ ผู้ร้องสอด และ จำเลย ได้ ยื่น เรื่องราว ขอรับ โอน มรดก ที่ดิน ของ นาย สมศักดิ์ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ได้ ปิดประกาศ ให้ ทราบ ทั่ว กัน เมื่อ วันที่ 9 มกราคม 2524 เพื่อ ให้ผู้มีส่วนได้เสีย คัดค้าน ตาม เอกสาร หมาย ล. 3 แผ่น ที่ 2 ถ้า นาย แก่น เป็น ผู้ดูแล ที่ดินพิพาท แทน โจทก์ ก็ น่า จะ ทราบ ประกาศ และ แจ้ง ให้ โจทก์ทราบ เพื่อ ทำ คำคัดค้าน แต่ โจทก์ หา ได้ ยื่น คำคัดค้าน ต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ นอกจาก นี้ ปรากฏว่า ผู้ร้องสอด ได้เสีย ภาษีบำรุงท้องที่สำหรับ ที่ดินพิพาท ตาม ใบเสร็จรับเงิน ตั้งแต่ พ.ศ. 2529 ถึงพ.ศ. 2533 เอกสาร หมาย จ. 3 ตลอดมา อีก ด้วย พยานหลักฐาน ตาม ที่ผู้ร้องสอด และ จำเลย นำสืบ ข้อเท็จจริง น่าเชื่อ ว่า นาย สมศักดิ์ ได้ อนุญาต ให้ นาย สมบูรณ์ ใช้ ที่ดินพิพาท ตั้ง โรงเรียน สอน ศาสนา อิสลาม เป็น การ ชั่วคราว มิได้ มี เจตนา นายก ที่ดินพิพาท ให้ นาย สมบูรณ์ เมื่อ เลิก กิจการ โรงเรียน แล้ว นาย สมบูรณ์ ก็ ต้อง ออก ไป จาก ที่ดิน พิพาท ใน ระหว่าง ที่นาย สมบูรณ์ ดำเนิน กิจการ โรงเรียน อยู่ นั้น ย่อม ถือว่า นาย สมบูรณ์ ครอบครอง ที่ดินพิพาท แทน นาย สมศักดิ์ เจ้าของ เดิม การ ที่ โจทก์ ทำ สัญญาซื้อขาย ที่ดินพิพาท จาก นาย สมบูรณ์ ไม่ทำ ให้ โจทก์ ได้ สิทธิ ครอบครอง เพราะ นาย สมบูรณ์ ผู้โอน เป็น เพียง ผู้ครอบครอง ที่ดินพิพาท แทน นาย สมศักดิ์ โจทก์ ผู้รับโอน ย่อม ได้ สิทธิ ไป เพียง เท่าที่ นาย สมบูรณ์ มี อยู่ ใน ฐานะ ผู้ ยึดถือ ที่ดิน พิพาท แทน นาย สมศักดิ์ กรณี ถือไม่ได้ว่า โจทก์ ได้ แย่ง การ ครอบครอง ที่ดินพิพาท ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ของ ผู้ร้องสอดซึ่ง ได้รับ ยกให้ จาก นาง อ่อกิ่น มารดา ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share