คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อตึกพิพาทมิได้เป็นเคหะจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯแล้ว ก็ไม่มีทางที่จำเลยจะมาคัดค้านว่าโจทก์ทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ประการใดได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยยังขืนอยู่ในตึกของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ์อย่างใด จึงเป็นการจงใจกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์ต้องเสียหายในสิทธิแห่งทรัพย์สินของโจทก์ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อกม.

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเช่าตึกรายพิพาทเพื่อประกอบธุระกิจการค้า และโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแก่จ.ล.โดยชอบแล้ว ศต.พิพากษาให้ขับไล่จ.ล.ออกจากตึกพิพาทกับให้จ.ล.ชำระค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ ๒๕ บาทนับแต่เดือน มีนาคม ๒๔๙๗ จนกว่าจำเลยจะได้ออกไป จ.ล.อุทธรณ์ ศอ. พิพากษายืน เพียงแต่แก้กำหนดเวลาให้จ.ล.ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๔๙๘ เป็นต้นไป จ.ล.ฎีกา ศฎ.พิพากษายืน ศฎ.วินิจฉัยข้อ กม. ๒ ข้อ คือ ๑. ฏีกาจำเลยที่อ้างว่า โจทก์เรียกค่าเช่าขึ้นราคาเดือนละ ๒๕ บาทเป็นเดือนละ ๖๕ บาท เป็นการผิดพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ฉะนั้นหนังสือที่โจทก์บอกเลิกการเช่าและให้ชำระค่าเช่าเดือนละ ๖๕ บาทจึงตกเป็นโมฆะ ต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยยังไม่ได้บอกเลิกการเช่ากับจ.ล.ตามกม. ฟ้องไม่ได้นั้น ก็เมื่อตึกรายพิพาทมิได้เป็นเคหะ จ.ล.ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯแล้ว ก็ไม่มีทางที่จ.ล.จะมาคัดค้านได้ว่า โจทก์ทำผิด พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯประการใด ๒.ที่จำเลยฎีกาคดีนี้เป็นเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่เรื่องละเมิดนั้น เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจ.ล.โดยชอบแล้ว จ.ล.ยังขืนอยู่ในตึกของโจทก์โดยไม่มีสิทธิอย่างใด จึงเป็นการจงใจกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์ต้องเสียหายในสิทธิแห่งทรัพย์สินของโจทก์ ย่อมเป็นการกระทำละเมิดตามกม.

Share