คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยและผู้ตายอยู่กินเป็นสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยได้ใช้มือและเท้าทำร้ายผู้ตาย โดยทำร้ายบ้างหยุดบ้างสลับกันเป็นระยะๆรวมเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงไม่ได้ความว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยลักษณะและความรุนแรงเพียงใด ลักษณะบาดแผลของผู้ตายที่แพทย์ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ คือ หน้าบวม ศีรษะบวม และไตแตกไม่มีเหตุพอจะให้พิจารณาประกอบบาดแผลว่า จำเลยได้กระทำโดยลักษณะและความรุนแรงที่อาจจะเห็นผลได้ว่าน่าจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคสองไม่ผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายทำร้ายร่างกายนางสมบูรณ์ พูลทองโดยใช้มือชกต่อย ใช้เท้าเตะถีบทรวงอก ใช้มือจิกผมเอาศีรษะโขกกระแทกกับพื้นซีเมนต์หลายครั้งทำร้ายเป็นเวลารวม 8 ชั่วโมง จำเลยทำร้ายจนเหนื่อยอ่อนแล้วหยุด เสร็จแล้วทำร้ายอีกสลับกันไป เพื่อนบ้านห้ามก็ไม่เชื่อฟัง จนนางสมบูรณ์ พูลทอง ได้รับอันตรายแก่กายบาดเจ็บสาหัส ร่างกายบวมไปทั้งตัว นั่งไม่ได้ ไตขวาแตก โลหิตคั่งในสมองถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลตำรวจในวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ โดยมีเจตนาฆ่านางสมบูรณ์ พูลทอง โดยทรมานและโดยกระทำทารุณโหดร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(5)

จำเลยให้การว่า ได้ตบและเตะผู้ตาย 1 ที ผู้ตายล้มลงฟาดกับกรอบประตูได้รับบาดเจ็บ จำเลยได้ซื้อยามาต้มให้กินจะพาไปโรงพยาบาลแต่ผู้ตายบอกว่าไม่เป็นไร จึงไม่ได้นำส่งโรงพยาบาลต่อมาอีก 2 วันจึงทราบว่าผู้ตายถึงแก่ความตาย

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้ทำร้ายผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายแต่ไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 วรรค 2 ให้จำคุก 15 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนโดยกระทำทารุณโหดร้าย

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส แม้จำเลยทำร้ายผู้ตายตั้งแต่เวลาประมาณ 20 นาฬิกา จนถึงเวลาประมาณ 3 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น หยุดบ้างทำร้ายบ้างเป็นระยะ ๆ ไปก็อาจเป็นโดยจำเลยและผู้ตายอยู่ห้องเดียวกันตลอดคืนไม่มีฝ่ายใดแยกจากไป จะเป็นเพราะเกิดพูดเถียงขัดใจกันเมื่อใดก็ทำร้ายกัน มีผู้ห้ามก็หยุดหรือไม่ก็ไม่ปรากฏ จำเลยใช้มือและเท้าทำร้ายไม่ได้ใช้อาวุธอะไร แม้แต่มีดที่จำเลยมีอยู่ในขณะนั้นจำเลยจะทำร้ายผู้ตายโดยลักษณะและความรุนแรงเพียงใดไม่ปรากฏบาดแผลฉกรรจ์ที่แพทย์ว่าเป็นบาดแผลสาหัสอาจทำให้ถึงตายได้ คือ หน้าบวม ศีรษะบวม และไตแตกนั้นไม่มีเหตุพอที่จะให้พิจารณาประกอบบาดแผลเหล่านั้นว่าจำเลยได้กระทำลงโดยลักษณะและความรุนแรงที่น่าจะเห็นผลว่า น่าจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยแน่แท้ จึงไม่พอจะชี้ขาดโดยแน่ชัดว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตาย

พิพากษายืน

Share