แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2541และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 26 พฤศจิกายน 2541 จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งงดสืบพยานดังกล่าวซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226จำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่กลับมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ทั้งที่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีเพราะเหตุขาดนัด รูปคดีจึงไม่มีทางขอให้พิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน105,188.34 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 104,535 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ครั้นโจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจึงนำพยานเข้าสืบต่อมาจนเหลือพยานปากสุดท้าย แต่จำเลยไม่มาศาลและมิได้นำพยานเข้าสืบตามกำหนดศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานที่เหลือและพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 104,535 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่อาจพิจารณาใหม่ได้ ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามความในมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยบรรยายข้อเท็จจริงถึงสาเหตุแห่งการขาดนัดพิจารณาว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแต่เพียงว่า “กรณีไม่อาจพิจารณาใหม่ได้ ยกคำร้อง” โดยไม่ระบุถึงเหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงไม่อาจยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องสมบูรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าคำสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่โดยจำเลยฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแต่เพียงว่า “กรณีไม่อาจพิจารณาใหม่ได้ ยกคำร้อง” โดยไม่กล่าวหรือแสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยทั้งปวงว่าเป็นเพราะเหตุใด กรณีจึงไม่อาจพิจารณาใหม่ได้ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2541 และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 26 พฤศจิกายน 2541จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งงดสืบพยานดังกล่าวซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 และจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่กลับมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ทั้งที่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีเพราะเหตุขาดนัด รูปคดีจึงไม่มีทางขอให้พิจารณาใหม่ได้ ดังนั้น ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยข้อกฎหมายของจำเลยเป็นประการใดก็ตาม คดีของจำเลยย่อมจะไม่มีทางขอให้พิจารณาใหม่ได้เช่นเดิมฎีกาของจำเลยดังเช่นคดีนี้ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249วรรคหนึ่ง
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งค่าฤชาธรรมเนียมนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและศาลฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ