คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6976/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ ซ.ผู้ตายเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทจึงไม่มีประเด็นที่พิพาท ในวันไต่สวนคำร้องผู้ร้องขอถอนคำร้อง ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งจำหน่ายคดีไม่ใช่กรณีศาลแสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาและมีคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท ผู้ร้องจึงขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ไม่ได้ หลังจากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องและจำหน่ายคดีแล้วผู้ร้องขอให้ศาลเรียก ร. เข้ามาในคดี และเรียกเอกสารในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1554/2535 ของศาลชั้นต้นมาประกอบการพิจารณาไม่ทำให้คดีนี้มีประเด็นที่พิพาทเพราะการถอนคำร้องลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องและทำให้คู่ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 เมื่อผู้ร้องถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกไปแล้วจึงไม่มีคำร้องที่ผู้ร้องจะยกขึ้นมาขอพิจารณาใหม่ได้ แต่เป็นกรณีที่ผู้ร้องอาจยื่นคำร้องใหม่ได้เท่านั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางเซ็ง เชื้อสำราญ ผู้ตาย ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนคำร้องอ้างเหตุว่า เนื่องจากนายรุ่งศักดิ์เชื้อสำราญ ได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1554/2535 ของศาลชั้นต้น ผู้ร้องจะไปยื่นคำร้องคัดค้านในคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องได้ตามขอ และจำหน่ายคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1554/2535 ของศาลชั้นต้นแล้ว แต่คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้อง อ้างเหตุว่าศาลได้ตั้งนายรุ่งศักดิ์เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ทั้งคำร้องคัดค้านไม่ปรากฏชัดว่านายรุ่งศักดิ์ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะจัดการมรดก จึงไม่มีกรณีที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำนวนทายาทและทรัพย์มรดกของผู้ตายในคดีนี้กับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1554/2535 ของศาลชั้นต้นแตกต่างกันทั้งนายรุ่งศักดิ์มีพฤติการณ์ปกปิดความจริงเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตายซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายและไม่เป็นธรรมแก่ทายาททุกคนของผู้ตาย ผู้ร้องจึงขอคัดค้านการตั้งนายรุ่งศักดิ์เป็นผู้จัดการมรดกเพียงคนเดียวของผู้ตาย ขอศาลยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาใหม่ พร้อมทั้งเรียกนายรุ่งศักดิ์เข้ามาในคดีและเรียกสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่1554/2535 ของศาลชั้นต้นมาประกอบการพิจารณาทำการไต่สวนคำร้องและตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 บัญญัติว่า คู่ความฝ่ายใดซึ่งศาลแสดงว่าขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท คู่ความฝ่ายนั้นอาจมีคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางเซ็ง เชื้อสำราญ ผู้ตาย เป็นคดีไม่มีข้อพิพาท จึงไม่มีประเด็นที่พิพาท ในวันไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องขอถอนคำร้อง ศาลชั้นต้นอนุญาตและมีคำสั่งจำหน่ายคดี ไม่ใช่กรณีของศาลแสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาและมีคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท ที่ผู้ร้องฎีกาว่าคดีนี้มีประเด็นที่พิพาทเพราะผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกนายรุ่งศักดิ์ เชื้อสำราญ เข้ามาเป็นคู่ความในคดีและเรียกสำนวนกับเอกสารในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1554/2535 ของศาลชั้นต้นมาประกอบการพิจารณาแล้วนั้น เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องและจำหน่ายคดีแล้ว ซึ่งการถอนคำร้องย่อมเป็นการลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องรวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาต่อภายหลังที่ยื่นคำร้องและกระทำให้คู่ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 176 ดังนั้น เมื่อผู้ร้องถอนคำร้องเสียแล้วก็เสมือนหนึ่งว่าผู้ร้องมิได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อศาลชั้นต้นเลย เห็นว่าเหตุผลต่าง ๆ ตามที่ผู้ร้องอ้างในฎีกาไม่ใช่เหตุผลตามกฎหมายที่ผู้ร้องจะขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ เพราะเมื่อผู้ร้องถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกไปแล้วจึงไม่มีคำร้องที่ผู้ร้องจะยกขึ้นมาขอพิจารณาใหม่ได้ แต่เป็นกรณีที่ผู้ร้องอาจยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ได้เท่านั้น
พิพากษายืน

Share