แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมตึกแถวตามฟ้องเป็นของ ด.ด. ให้จำเลยเช่า ต่อมาด.โอนตึกแถวให้อ.แล้วอ.โอนขายให้โจทก์แม้ด.จะให้คำมั่นแก่จำเลยว่าเมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว ด. จะให้จำเลยเช่าตึกแถวต่ออีก 3 ปี คำมั่นดังกล่าวก็ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ตึกแถว 2 ห้องซึ่งจำเลยเช่าอยู่ ก่อนครบกำหนดเวลาเช่าโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกไปภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันครบกำหนดเวลาเช่าจำเลยรับหนังสือแล้วยังคงเพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยและบริวารทั้งหมดออกไปจากตึกแถวของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นรายเดือนเดือนละ 40,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารทั้งหมดจะออกไป
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า วันที่ 12 มกราคม 2522 นายดาดให้จำเลยเช่าตึกแถวทั้งสองห้องมีกำหนดเวลา 12 ปี 1 เดือนเริ่มตั้งแต่วันทำสัญญา ค่าเช่าเดือนละ 600 บาท ได้ทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นายดาดให้คำมั่นว่าเมื่อครบกำหนดแล้วยอมให้จำเลยต่ออายุสัญญาเช่าอีก 3 ปี คือนับแต่วันที่ 12กุมภาพันธ์ 2535 ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2538 ต่อมานายดาดยกที่ดินพร้อมตึกแถวส่วนของตนให้นางสาวอมรวดี แล้วนางสาวอมรวดีขายให้โจทก์ขณะสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนด โจทก์ต้องรับภาระที่จะต้องให้จำเลยเช่าตามสัญญาเช่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนด ตึกแถวที่เช่าไม่ได้ตั้งอยู่ในทำเลการค้า สามารถให้เช่าได้ไม่เกินห้องละ 1,000 บาทต่อเดือน ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าตึกแถวทั้งสองห้องมีกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่12 กุมภาพันธ์ 2535 ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2538
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องแย้งให้โจทก์ยอมให้เช่าตึกแถวมีกำหนด 3 ปี เพราะไม่มีข้อตกลงใด ๆ ระหว่างโจทก์และจำเลยในการเช่าต่อไป สัญญาเช่ามีผลบังคับตั้งแต่วันที่1 ธันวาคม 2521 สิ้นสุดลงวันที่ 1 มกราคม 2534 มิใช่เริ่มแต่วันที่ 12 มกราคม 2522 ซึ่งเป็นวันทำสัญญา จำเลยจึงไม่อาจอ้างสัญญาเช่ามายันโจทก์ได้ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถว2 ห้อง ของโจทก์ และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ 8,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับฎีกาของจำเลยที่ว่า คำมั่นของนายดาด พรหมจรรยา ที่ว่าจะให้จำเลยเช่าต่อ 3 ปี จะมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่นั้น ในข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า เดิมตึกแถว 2 ห้อง ตามฟ้องเป็นของนายดาด นายดาดให้จำเลยเช่าตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.2 ต่อมานายดาดโอนให้นางสาวอมรวดี พรหมจรรยา แล้ว นางสาวอมรวดีโอนขายให้โจทก์ตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.1 ฉะนั้นแม้นายดาดจะได้ให้คำมั่นดังกล่าวแก่จำเลยไว้จริง คำมั่นดังกล่าวก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน