คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6973/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีแพ่ง เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การ และข้อนำสืบของทั้งสองฝ่ายฟังได้ชัดแจ้งอย่างใดแล้ว ศาลก็ยกข้อกฎหมายขึ้นปรับแก่คดีได้เอง
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าตอบแทนหรือค่าเสียหายตามสัญญาพิพาท จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้ทำสัญญากับโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิด ประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เป็นข้อ 3 มีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินตอบแทนหรือค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่เพียงใด ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาพิพาทโดยตรง แม้ ผ.ผู้ลงชื่อในสัญญาจะมิใช่กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยและจำเลยมิได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ผ.เป็นตัวแทนจำเลยก็ตาม แต่เมื่อกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยได้อยู่รู้เห็นในการทำสัญญาทั้งได้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญาด้วย ถือได้ว่าจำเลยเชิด ผ.ออกเป็นตัวแทนของตน ผ.จึงทำสัญญากับโจทก์ในฐานะตัวแทนจำเลย มีผลเท่ากับจำเลยทำสัญญากับโจทก์ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาดังกล่าวนั้น จึงหาใช่เป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นไม่

Share