แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดไปจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ไว้แก่ธนาคารทหารไทยเมื่อปี 2530 เป็นเงิน 62,000,000 บาท และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยวิธีติดจำนองโดยระบุหนี้จำนอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2537จำนวน 132,918,356.17 บาท ตามที่ธนาคารทหารไทยแจ้งยอดหนี้มานั้น เป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้รับจำนองซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิ หากยอดหนี้ดังกล่าวไม่ถูกต้องจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ย่อมสามารถตรวจสอบยอดหนี้กับธนาคารทหารไทย และร้องคัดค้านได้ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้คัดค้านแต่อย่างใดจึงน่าเชื่อว่ายอดหนี้ที่แจ้งมาเป็นหนี้และดอกเบี้ยที่คิดคำนวณถูกต้องและโจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีระบุยอดหนี้จำนองไว้ในประกาศขายทอดตลาด ทรัพย์พิพาทโดยวิธีติดจำนองแจ้งแก่บุคคลภายนอกที่จะเข้ามาประมูลซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดทราบก็เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกนั่นเอง จึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องและสมควรแล้ว ไม่ต้องไต่สวนเกี่ยวกับยอดหนี้จำนองตามคำร้องของโจทก์
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเลตเตอร์ออฟเครดิต จำเลยที่ 1และที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระหนี้แก่โจทก์แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ได้บังคับคดีนำยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีทำหนังสือสอบถามยอมหนี้จำนองที่มีอยู่เหนือที่ดินทั้ง 9 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)ได้แจ้งยอดหนี้จำนอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2537 เป็นเงิน132,918,356.17 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ระบุยอดหนี้ดังกล่าวลงในประกาศขายทอดตลาดว่าจะขายโดยวิธีติดจำนอง ผู้ซื้อได้ต้องรับภาระหนี้จำนองติดไปด้วย
โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 22 มิถุนายน 2538 ต่อศาลชั้นต้นว่า ยอดหนี้จำนองดังกล่าวไม่ถูกต้อง ความจริงมียอดหนี้จำนองพร้อมดอกเบี้ยไม่เกิน 62,000,000 บาท อาจทำให้ผู้ประมูลซื้อที่ดินทั้ง 9 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างได้ในราคาต่ำ ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยอดหนี้จำนองของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ว่ามีอยู่เพียงใด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่จำเลยที่ 1 นำที่ดินรวม 9 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดไปจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ไว้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2530เป็นเงิน 62,000,000 บาท และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยวิธีติดจำนอง โดยระบุหนี้จำนองณ วันที่ 31 ธันวาคม 2537 จำนวน 132,918,356.17 บาท ตามที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งยอดหนี้มานั้น เป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้รับจำนองซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิหากยอดหนี้ดังกล่าวไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ย่อมสามารถตรวจสอบยอดหนี้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)และร้องคัดค้านได้ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้คัดค้านแต่อย่างใด ในชั้นนี้จึงน่าเชื่อว่ายอดหนี้ที่แจ้งมาเป็นหนี้และดอกเบี้ยที่คิดคำนวณถูกต้อง และโจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีระบุยอดหนี้จำนองไว้ในประกาศขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยวิธีติดจำนองแจ้งแก่บุคคลภายนอกที่จะเข้ามาประมูลซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดทราบ ก็เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกนั่นเอง จึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องและสมควรที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน